สาเหตุไม่รอลงอาญา ชูวิทย์ คุก 8 เดือน หมิ่นประมาท สันธนะ ประยูรรัตน์
สาเหตุไม่รอลงอาญา ชูวิทย์ 8 เดือน หมิ่นประมาท สันธนะ ประยูรรัตน์ เคยต้องโทษความผิดคดีอื่นภายใน 5 ปีก่อนหน้าคดีนี้
วันที่ 27 สิงหาคม 2568 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลอ่านคำพิพากษา คดีที่ อ.1936/2566 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ และ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล ร่วมเป็นโจทก์ ฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ผู้อื่นโดยการโฆษณาฯ
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 65 เวลากลางวัน จำเลยใส่ความหมื่นประมาท และดูหมิ่นนายสันธนะ โจทก์ร่วมต่อหน้าผู้เสียหาย ผู้สื่อข่าว ช่างภาพและประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นบุคคลที่สาม โดยการป่าวประกาศ โดยตะโกนด่าทอเสียงดังในขณะที่ผู้สื่อข่าวและช่างภาพของบริษัท วอยซ์ทีวี จำกัด กำลังถ่ายทอดสดผ่านช่องทางแพลตฟอร์มยูทูป โดยจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าผู้สื่อข่าว และช่างภาพของบริษัท วอยซ์ทีวี จำกัด กำลัง ถ่ายทอดสด ที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมและแสดงความ คิดเห็นได้ อันเป็นการเผยแพร่ไปทั่วราชอาณาจักร ดังนั้นการที่จำเลยประกาศด้วยวิธีการกล่าววาจา และตะโกนด่าทอเสียงดังต่อหน้าผู้สื่อข่าวและช่างภาพและบุคคลทั่วไปแล้วมีการเผยแพร่ไปทั่วราชอาณาจักร ด้วยถ้อยคำหยาบคาย เช่น ไอ้สัน! ไอ้มาเฟีย! ดูหมิ่น และอื่นๆ ทำให้โจทก์ร่วมได้รับความเสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์แล้ว จำเลยได้ใช้ถ้อยคำหยาบคายกล่าวม หาโจทก์ทำให้ผู้สื่อข่าว ช่างภาพและประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าในอดีตผู้เสียหายมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการพนัน เป็นผู้กระทำผิดต่อกฎหมาย เป็นคนโกหก เคยขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธและข่มขืนใจเจ้าพนักงาน เป็นผู้ประพฤติชั่วร้ายแรงเป็นบุคคลที่โดนไล่ออกจากราชการ ถูกถอดและเรียกคืนเครื่องราชและถูกถอดยศตำรวจเนื่องจากกระทำผิดวินัยร้ายแรง ทั้งนี้ จำเลยได้กระทำการ ดังกล่าว โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาผู้เสียหายโดยการโฆษณา อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มีคำพูดดูถูกเหยียดหยาม สบประมาท และทำให้ผู้เสียหายได้รับความอับอายเสียหาย อันเป็นการดูหมิ่นผู้เสียซึ่งหน้า และด้วยการโฆษณา โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
ก่อนคดีนี้ ในขณะที่จำเลยเคยกระทำความผิดและต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ลงโทษจำคุก 1 เดือน ฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ โดยจำเลยพ้นโทษเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 61
ภายในระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันพ้นโทษในคดีดังกล่าว จำเลยได้กระทำความผิดในคดีนี้อีก อันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
พิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 , 393 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทโฆษณา ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 9 เดือน เพิ่มโทษจำเลยหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 12 เดือน ทางพิจารณาของจำเลยซึ่งยอมรับ ข้อเท็จจริงว่าได้พูดถ้อยคำตามคลิปภาพและเสียงจริง เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา กรณีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน
ต่อมาทนายความนายชูวิทย์ ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างอุทธรณ์ ศาลพิจารณาแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายชูวิทย์ จำเลยระหว่างอุทธรณ์คดี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง