‘ฉลาด’ ยันวางตัวเป็นกลาง เป็นประธานฯ ต้องฟังทุกฝ่าย เชื่อประชุมงบฯ 69 ราบรื่น
'ฉลาด' ยันวางตัวเป็นกลาง บอก เป็นประธานต้องฟังทุกฝ่าย ไม่หวั่น 'ภราดร' สอนมวย ยินดีให้ทดสอบ เชื่อประชุมงบฯ 69 ราบรื่น ส่ง 'วิสุทธิ์' คุยทุกพรรค ป้ององค์ประชุมล่ม
8ส.ค.2568- ที่รัฐสภา นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านวิจารณ์การทำหน้าที่รองประธานสภาฯคนที่ 2 เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่อาจไม่เป็นไปตามข้อบังคับ ว่า มีคนเสนอให้ตนใช้ข้อบังคับข้อที่ 32 โดยมีสมาชิกจากพรรคฝ่ายค้านเสนอญัตติให้แสดงตนโดยการเสียบบัตร ซึ่งตนเห็นว่าหากแสดงตนโดยการเสียบบัตร เรื่ององค์ประชุมจะเป็นส่วนหนึ่ง เพื่อให้มีการตรวจสอบองค์ประชุมแบบชัดเจน ตนจึงวินิจฉัยว่าให้แสดงตนแบบขานชื่อ โดยหลังจากที่ตนวินิจฉัยแล้ว มีสมาชิกอีกคนเสนอญัตติให้แสดงตนแบบขานชื่อ เพื่อให้มี 2 ญัตติ แต่ความจริงมีญัตติเดียว ตนเห็นว่าเพื่อให้โอกาสสมาชิกที่อยู่รอบนอกมาใช้สิทธิ์ได้ทันเวลาก็ใช้เวลาพอสมควร ซึ่งหลังจากที่มีการขานชื่อไปแล้วก็มีการเพิ่มชื่อ แสดงว่ามีการประชุมกรรมาธิการยังอยู่ในสภาฯไม่ได้ไปไหน ฉะนั้น เสียง 248 เสียง ถือว่าเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสภาฯคือ 246 เสียง
“ผมไม่ได้ทำผิดข้อบังคับ เปิดดูเทปได้ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อดีตรองประธานสภาฯคนที่ 2 จะทดสอบผม ว่าจำข้อบังคับได้หรือไม่ แต่เลขาธิการสภาฯก็ยืนยัน บางครั้งการทำหน้าที่รองประธานสภาฯก็ต้องฟังเสียงทุกฝ่าย แต่คนที่จะช่วยในเรื่องของข้อบังคับ วาระการประชุมสภาฯต่างๆคือเลขาธิการสภาฯ ที่ทำหน้าที่อยู่หน้าบัลลังค์ เพราะบางครั้งประธานในที่ประชุมอาจจะมองบางฝ่ายข้ามไปหรือข้ามขั้นตอน ฉะนั้น เลขาธิการสภาฯต้องเตือน บางครั้งเราอยู่ข้างล่างมานานพึ่งทำหน้าที่ก็จะเก็นว่าเราต้องดูแลทุกฝ่าย ยืนยันว่าผมทำหน้าที่ถูกต้อง”นายฉลาด กล่าว
เมื่อถามถึงฝ่ายค้านมาโจมตีว่าทำหน้าที่ไม่เป็นกลางนั้น นายฉลาด กล่าวว่า ยืนยันว่าตนทำงานอย่างเป็นกลางแน่นอน และตนรู้จักทุกฝ่ายอยู่ข้างล่างมานาน ออกมาข้างนอกก็ยังหยอกล้อกันอยู่ ก็ยินดีให้ทดสอบ และในข้อเท็จจริงสามารถทำได้ซึ่งเป็นดุลพินิจของประธาน เมื่อดูองค์ประชุมแล้วก็ดูตามความเหมาะสมในขณะนั้น ทางเลขาฯเองก็ยืนยันว่าทำถูกแล้ว ตนจะไม่ทำอะไรโดยพละการต้องอาศัยหลักพิง
เมื่อถามถึงการประชุมสภาฯเพื่อพิจาจารณาร่างพระราชบัญญติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในวันที่ 13-15 ส.ค. นี้ จะสามารถคุมเสียงในสภาฯได้หรือไม่ นายฉลาด กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมาการประสานงานในสภาฯ (วิป) ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา มีการตกลงกันว่าจะมีการประชุม 3 วันดังกล่าว และหากดูจากงบประมาณปี 67-68 ที่ผ่านมา ฝ่ายค้านก็อยากให้งบประมาณผ่านสภาฯ ทั้งนี้ ไม่อยากให้มีการเลิกประชุมดึกไป เพราะต้องมีการมาลงชื่อตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นทุกครั้ง เรพาะมีการลงติเป็นรายมาตรา ฉะนั้น ท่านให้ความร่วมมือและมีความเป็นห่วงรัฐบาล ตนจึงฝากนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ให้ไปคุยกับทุกพรรคการเมือง เนื่องจากเป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์ของประชาชน ทุกคนยืนยันว่าจะมาทำหน้าที่ของตัวเองใน 3 วันนี้
นายฉลาด กล่าวอีกว่า วันที่ 13 ส.ค. คาดว่าจะมีการพิจารณามาตรา 1-15 วันที่ 14 ส.ค. จะพิจารณาต่อจนถึงมาตรา 24 และ วันที่ 15 ส.ค. จะให้เสร็จเร็วหน่อย คือพิจารณาจนจบ จนถึงข้อสังเกต คาดว่าจะลงคะแนนในวันสุดท้ายประมาณ 23.00 น. เศษ หรืออาจจะเสร็จเร็วกว่านั้น อยู่ที่สส.ที่ใช้สิทธิ์ในการลงมติ โดยเราให้เวลากรรมาธิการที่สงวนความเห็นและสส.ที่แปรญัตติคนละ 7 น. ส่วนสส.ที่ไม่ได้เสงวนคำแปรญัตติไว้ให้เวลาอภิปรายคนละไม่เกิน 5 น. แต่หากมีการอภิปรายซ้ำซากอาจจะมีการลดเวลาลง โดยวิปทั้ง 2 ฝ่าย จะมีการเจรจากันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สภาฯและองค์ประชุมสามารถเดินไปได้ด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ ระหว่างที่รอการโปรดเกล้าฯ รองประธานสภาฯคนที่ 1 ตนและนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ จะผลัดกันทำหน้าที่คนละ 2 ชม. 30 น.