เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท. จ.ศรีสะเกษ ร้อง ก.พลังงาน เร่งช่วยเหลือค่าใช้จ่าย
วันนี้ (4 ส.ค. 68) นางกมลรัตน์ พลเศรษฐเลิศ เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาบ้านผือ จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมลูกสาว ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ เข้ายื่นหนังสือต่อ 4 หน่วยงาน ที่กระทรวงพลังงาน เพื่อเร่งขอความช่วยเหลือ ในการเยียวยาความเสียหายจากเหตุระเบิดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินเป็นมูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาท
โดยการยื่นหนังสือครั้งนี้ นำโดย นายชณทัต ปัทะมะภูวดล ผู้ก่อตั้งเพจ “ชณทัตลุยครับ” ซึ่งเป็นผู้ประสานงานหลัก นำเจ้าของสถานีบริการน้ำมัน และผู้เสียหาย ยื่นหนังสือและเข้าพบกับผู้แทนจาก 4 หน่วยงานสำคัญ ได้แก่ พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน , นายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้ช่วยเลขาธิการ คปภ. สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ , ผู้บริหารระดับสูงจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) , ทีมประสานงานของนายชณทัต
โดยนางกมลรัตน์ เปิดเผยว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้องอพยพออกจากพื้นที่ด้วยความหวาดกลัว โดยระบุว่า เราไม่ได้ทำผิดอะไร แต่คือผลกระทบจากสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐไทยกับกัมพูชา เราเป็นเพียงประชาชนในพื้นที่ชายแดนที่ต้องการความสงบและไม่อยากให้เกิดความสูญเสียแบบนี้ขึ้นอีก
“เราไม่ได้ทำผิดอะไร แต่นี่คือผลกระทบจากสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐไทยกับกัมพูชา เราเป็นเพียงประชาชนในพื้นที่ชายแดนที่ต้องการความสงบ และไม่อยากให้เกิดความสูญเสียแบบนี้อีก เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของใครเลย ไม่ใช่ความผิดของ CP ไม่ใช่ความผิดของ OR แต่รัฐควรรับผิดชอบ 100% ในความเป็นจริงแล้ว ควรเป็นหน้าที่การรับผิดชอบของภาครัฐ 100% แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับความชัดเจนในเรื่องของการเยียวยา ว่าจะช่วยเหลืออย่างไรช่วยเหลือแบบไหนกับความสูญเสียในครั้งนี้”
นางกมลรัตน์ ยังเปิดเผยด้วยว่า กิจการของครอบครัวได้รับผลกระทบอย่างหนัก และต้องหยุดดำเนินการนานถึง 3 เดือน เบื้องต้นได้ประเมินความเสียหายไว้ที่ ประมาณ 18 ล้านบาท และเมื่อรวมความเสียหายเพิ่มเติมภายหลัง คาดว่าตัวเลขจะอยู่ที่ ราว 20 ล้านบาท ซึ่งกิจการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการผ่อนชำระหนี้กับธนาคาร ที่เป็นการกู้ยืมโดยนำที่ดินของครอบครัวมาค้ำประกัน ส่งผลให้ปัจจุบันยังต้องรับภาระดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีธนาคารเข้ามาพูดคุยแล้วก็ตามแต่ยังไม่ได้รับความชัดเจนในเรื่องการช่วยเหลือเรื่องของดอกเบี้ย
ด้าน พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ เปิดเผยว่า รัฐบาล ไม่ได้นิ่งนอนใจ เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน และได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการช่วยเหลือ พร้อมย้ำว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก และไม่ควรปล่อยให้ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความเสียหายโดยลำพัง
เรื่องราวในวันนี้ไม่ใช่ความรับผิดชอบเป็นการเฉพาะของกระทรวงพลังงาน แต่ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในปั๊มปตท. ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน วันนี้ตนเองได้รับมอบหมายจาก นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่าจะต้องหาแนวทางในการแก้ไขและเยียวยากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่มีกฎหมายรองรับนี้อย่างไร
“หลังจากเยียวยาแล้วเราในฐานะรัฐ ก็ควรที่จะถอดบทเรียนนี้ เพราะหากในอนาคตมีเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นกับกิจการใด ๆ ที่อยู่ตามแนวชายแดน ถ้าไม่ชี้ให้ชัดแล้วชาวบ้าน รวมถึงกิจการของคนไทยที่อยู่ตามแนวชายแดนจะวิตกขนาดไหนถ้าเขาคิดว่าเขาต้องช่วยเหลือตัวเองไม่มีใครไปดูแลเขาอีก”
ขณะที่ นายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่เข้าข่ายข้อยกเว้นตามเงื่อนไขกรมธรรม์ที่ระบุว่า กรณีสงครามจะไม่อยู่ในความคุ้มครอง โดยชี้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการปะทะกันตามแนวชายแดนระหว่างกำลังทหารของ 2 ประเทศ ยังไม่ถึงขั้นเป็นสงคราม ตามคำนิยามของกรมธรรม์แต่อย่างใด บริษัทประกันภัยจึงต้องรับผิดชอบในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไข
ซึ่งในเบื้องต้น สำนักงาน คปภ. ได้มอบหมายให้สำนักงานจังหวัดศรีสะเกษ ลงพื้นที่ตรวจสอบกรมธรรม์ของผู้เอาประกันภัย พบว่ามีการทำประกันไว้ 2 ประเภท ได้แก่ ประกันทรัพย์สิน ที่ครอบคลุมอาคารทั้งหมดภายในสถานีบริการ และประกันความรับผิดบุคคลภายนอก อาจไม่เข้าเงื่อนไขความเสียหายครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม คปภ. ได้ประสานกับบริษัทประกันภัยเพื่อขอความกรุณาให้จ่ายค่าสินไหมในส่วนของผู้เสียชีวิต แม้ในบางกรณีจะไม่ครอบคลุมโดยตรง
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าผู้เสียชีวิตแต่ละรายมีประกันชีวิตหรือประกันอุบัติเหตุอื่นใดอยู่หรือไม่ ซึ่งในบางกรณี เช่น เด็กนักเรียนที่เสียชีวิต ที่พบว่าทางโรงเรียนได้ทำประกันอุบัติเหตุไว้ด้วย ทาง คปภ. จึงประสานกับโรงเรียนและบริษัทประกันภัย เพื่อให้ดำเนินการจ่ายสินไหมอย่างเหมาะสม
พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จะนำบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ไปปรับปรุงแนวทางดูแลผู้ประกอบการตามแนวชายแดนทั่วประเทศ ให้มีมาตรการรองรับที่ชัดเจน และเป็นธรรม รัฐจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ในส่วนของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน ทางผู้บริหารยืนยันว่า จะไม่ทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง และกำลังประสานหน่วยงานภายในเพื่อวางแนวทางการช่วยเหลือและเยียวยาอย่างเป็นธรรม โดย คาดว่าจะทราบรายละเอียดในการเยียวยาเจ้าของปั๊มน้ำมันอย่างชัดเจนในวันนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประชุม GBC คืออะไร? ไขข้อแตกต่างกลไกแก้ปัญหาระดับทวิภาคี ไทย - กัมพูชา
คาด! ปะทะไทย-กัมพูชา สร้างความเสียหาย 1.7 หมื่นล้านบาท! ต่อเดือน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท. จ.ศรีสะเกษ ร้อง ก.พลังงาน เร่งช่วยเหลือค่าใช้จ่าย
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com