โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“จตุพร-ฉันทวิชญ์” ถกภาคเอกชน ชูปฏิญญา พาณิชย์-หอการค้าไทยดันความร่วมมือ 4 ข้อเสนอ รับมือผลกระทบภาษีทรัมป์

สยามรัฐ

อัพเดต 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“จตุพร-ฉันทวิชญ์” เดินสายถกภาคเอกชน ชูปฏิญญา พาณิชย์-หอการค้าฯ ดันความร่วมมือ 4 ข้อเสนอ รับมือผลกระทบ tariff 19% ค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมนำไทยฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก

วันที่ 1 สิงหาคม 2568 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เข้าประชุมหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำโดย นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ณ ห้อง Activity Hall ชั้น 1 อาคารบรรเจิด ชลวิจารณ์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในประเด็นการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง การเปิดการค้าเสรี และกฎระเบียบภายใต้ FTA อื่นๆ การค้าชายแดน และขอความร่วมมือจากกระทรวงพาณิชย์

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับข้อกังวลของหอการค้าฯ โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจำเป็นต้องหารือรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีปัญหาภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรของไทย กระทรวงพาณิชย์จึงต้องดำเนินการในมิติที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ เพื่อให้ผลผลิตของเกษตรกรสามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างมั่นคง

ขณะเดียวกัน โลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร ความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์จากทั้งสหรัฐฯ และจีน รวมถึงกติกาการค้าโลกที่มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทั้งหมดล้วนส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของไทย กระทรวงพาณิชย์จึงจำเป็นต้องเร่งปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการหาตลาดใหม่และการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ประกอบการไทย

สำหรับประเด็นเรื่องการยกเว้นภาษีสินค้าการเกษตรจากสหรัฐ กระทรวงพาณิชย์จะทำงานร่วมกับหอการค้าในการสร้างความเข้าใจแก่เกษตรกร เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือและสนับสนุนที่เพียงพอ นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังมุ่งเน้นการลดต้นทุนการผลิตในภาคเกษตร เช่น ตั้งเป้าลดราคาปุ๋ย พร้อมทั้งส่งเสริมโครงการสินค้าธงเขียวสำหรับสินค้าเกษตร และพัฒนาแอปพลิเคชันธงฟ้า เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

“วันนี้ไม่มีเวลาให้รอช้า การทำงานต้องเร่งรัดและต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง กระทรวงพาณิชย์พร้อมทำงานเคียงข้างภาคเอกชน โดยเฉพาะหอการค้าไทยซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญในการสะท้อนปัญหาและให้ข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่อง การหารือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อรับฟังข้อเสนอและนำไปสู่การขับเคลื่อนเชิงนโยบายให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง” นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึง ความร่วมมือระหว่างหอการค้าฯ กับกระทรวงพาณิชย์ที่ผ่านมา ว่าทั้งสองฝ่ายได้ทำงานใกล้ชิดกันมาโดยตลอด โดยเฉพาะในการแก้ไขปัญหาการส่งออก การจัดงานแสดงสินค้า ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารร่วมกับข้าราชการระดับสูง ผ่านเวที “กรอ.พาณิชย์” ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการพูดคุยและกำหนดทิศทางร่วมกัน สำหรับนโยบาย 10 ข้อของกระทรวงพาณิชย์นั้น หอการค้ามีความเชื่อมั่น และเห็นว่าหลายข้อสอดคล้องกับภารกิจหลักของหอการค้าฯ ซึ่งพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม วันนี้ภูมิทัศน์การค้าโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ละประเทศต่างแข่งขันกันด้วยการออกกติกาใหม่ ๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นจีน สหรัฐฯ หรือสหภาพยุโรป โดยเฉพาะมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความผันผวนให้กับระบบห่วงโซ่อุปทานโลก (supply chain) อย่างมาก ถือเป็นอุปสรรคสำคัญของผู้ส่งออกไทย ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มต้นทุนให้ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ แต่ยังมีปัญหาซับซ้อนในเรื่อง Transshipment และมาตรการ local content ที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญอย่างเข้มงวด หอการค้าฯ เห็นว่ารัฐบาลควรเร่งสร้างความชัดเจนในประเด็นนี้ รวมถึงเรื่อง RVC (Regional Value Content) ที่เกี่ยวข้องโดยตรง เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปฏิบัติตามกติกาและแข่งขันได้อย่างมั่นใจดังนั้น หอการค้าฯ มองว่าจำเป็นที่จะต้องจัดตั้ง “คณะทำงานพิเศษ” ของภาครัฐที่บูรณาการการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงการต่างประเทศ กรมศุลกากร และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อมองภาพรวมและแก้ไขปัญหาการค้าที่ซับซ้อนทั่วโลกอย่างเป็นระบบ โดยเรื่องนี้ได้ถูกเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีแล้ว และอยากขอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติ

สำหรับการหารือในครั้งนี้ หอการค้าไทยได้หยิบยกข้อเสนอแนะที่ได้รวบรวมจากภาคธุรกิจใน 4 ข้อเสนอสำคัญ เพื่อร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่

1. การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ การเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา การจัดการกับสินค้าสวมสิทธิ์เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี การเร่งรัดการออกใบรับรองสินค้าตามมาตรฐาน BIS ของอินเดีย การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มผู้ประกอบการผู้ผลิตถุงมือยางไทยการกำกับตรวจสอบการนำเข้าของผลิตภัณฑ์ ที่เข้ามาในลักษณะการทุ่มตลาด และกำหนดมาตรการตรวจสอบสินค้านำเข้าที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน

2. การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง ลดต้นทุนโลจิสติกส์ ส่งเสริมโครงการนำร่อง เช่น Transshipment Sandbox ณ ท่าเรือแหลมฉบัง และการเชื่อมโยงระบบข้อมูลของภาครัฐอย่างไร้รอยต่อ เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจการเชื่อมโยงข้อมูล DBD กับ Platform ของพันธมิตร สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจแฟคตอริ่ง เพื่อช่วยให้ SMEs เข้าถึงแหล่งทุนได้เร็ว การตรวจสอบดำเนินคดีนิติบุคคลที่ใช้ Nominee ในการจัดตั้ง รวมถึงมาตรการกระตุ้นภาคค้าปลีก และท่องเที่ยวเชิงคุณภาพของไทย

3. การขยายความร่วมมือ FTA และส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์ เร่งรัดการเจรจา FTA
ไทย–อียู และขยายสู่ตลาดใหม่ในเอเชียใต้ แอฟริกา และลาตินอเมริกา ควบคู่กับการเสริมสร้างความรู้แก่ผู้ประกอบการในการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA อย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ไขปัญหาการละเมิดข้อตกลงการค้าไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) และ ไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) การแก้ไขปัญหาการออกเอกสารการส่งออกผักผลไม้ที่แออัด ณ สนามบิน สุวรรณภูมิ

4. การค้าชายแดนและความมั่นคงทางเศรษฐกิจในพื้นที่แนวชายแดน ผลักดันมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปิดด่านชายแดนไทย–กัมพูชา ทั้งการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการ สินเชื่ออัตราพิเศษ (Soft Loan) การประกันความเสี่ยงการส่งออก
นอกจากนี้ หอการค้าไทยและกระทรวงพาณิชย์ยังได้หารือถึงการเดินหน้าร่วมกันในกิจกรรมเศรษฐกิจสำคัญหลายเวทีในช่วงครึ่งหลังของปี ไม่ว่าจะเป็น งานเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน, ความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์การขับเคลื่อนศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร (AFC) โดยให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศจัดตั้งหน่วยงานรับผิดชอบศูนย์ AFC ประจำจังหวัด เพื่อแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและผลผลิตล้นตลาด, กิจกรรม Big Match จับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับเครือข่ายโมเดิร์นเทรด, ตลอดจนการจัดงานแสดงสินค้าภายในประเทศอย่าง THAIFEX–ANUGA ASIA และ THAIFEX–HOREC ASIA ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นประจำ เหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ขยายเครือข่ายการค้า และตอกย้ำความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อนำพาเศรษฐกิจไทยให้ฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

บุกรวบ "เจมส์" ยึดยาบ้า-ไอซ์ คาห้องเช่าย่านห้วยขวาง

23 นาทีที่แล้ว

ตร.โคราช ปิดล้อมตรวจค้นจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญตามหมายจับ

28 นาทีที่แล้ว

ล่าแก๊งค้ายาบ้าควบรถกระบะหนีตำรวจนาตาล เสียหลักลงข้างทางเจอยาบ้าจำนวนประมาณ 148,000 เม็ด

34 นาทีที่แล้ว

"นันทิวัฒน์" โพสต์แรง! “กรรมไล่ล่า” นักการเมืองขัดรัฐธรรมนูญ ม.144 ชี้ถึงเวลาเอาผิดทั้ง "ครม.-สภาฯ"

35 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ราคาทองคำวันนี้ 2 ส.ค. 2568 เปิดตลาดปรับเพิ่มขึ้น 250 บาท รูปพรรณขายออก 52,300 บาท

TNN ช่อง16

ราคาทองวันนี้ 2 สิงหาคม 2568

สยามนิวส์

ทรัมป์ ปลด หัวหน้าสถาบันสถิติแรงงาน หลังตัวเลขจ้างงานต่ำกว่าคาด

การเงินธนาคาร

ปรับโฟกัส เปลี่ยนพฤติกรรม เส้นทางหลุดพ้นวิกฤติหนี้ครัวเรือน

Thairath Money

กำลังผลิต “พลังงานหมุนเวียน” ของจีน เพิ่มเกือบสองเท่า ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้

เดลินิวส์

ราคาน้ำมันวันนี้ 2 ส.ค. 68

News In Thailand

หุ้นดาวโจนส์วันนี้ 2 สิงหาคม 2568 ปิดร่วง 542.40 จุด นักลงทุนเทขายหุ้นกังวลภาวะเศรษฐกิจ

TNN ช่อง16

สรุปตัวเลข "ภาษีทรัมป์" 10 ชาติอาเซียน ไทยเกาะกลุ่มหัวแถว 19% แลก "เปิดตลาด-นำเข้า-ลงทุน"

TNN ช่อง16

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...