'เอส สไปน์ แอนด์ จอยท์'รพ.เฉพาะทาง รักษากระดูกสันหลังและข้อครบวงจร
“อายุ” ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้เกิดโรคกระดูกสันหลังอีกต่อไป ปัจจุบันพบว่าจำนวนผู้ป่วยเรื่องกระดูกสันหลังเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานและวัยกลางคน ที่เผชิญปัญหา โรคกระดูกสันหลังและข้อ จากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การนั่งทำงานนานโดยไม่ขยับตัว ยกของผิดท่า หรือการเคลื่อนไหวที่ทำให้กระดูกรับน้ำหนักเกินปกติ การใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไป
“โรคกระดูกสันหลัง และข้อ” อีกหนึ่งโรคที่คุกคามคนไทย และคุกคามสุขภาพของประชากรทั่วโลก องค์การอนามัยโลกหรือฮู (who) ระบุว่าปัจจุบันประชากรทั่วโลกป่วยเป็นโรคข้อ โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกสันหลังและโรคที่เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อกว่า 40 ล้านคน คาดในอีก 10 ปีข้างหน้าจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นเป็น 570 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 14 เท่าตัว
ด้วยความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์เฉพาะทางตลอดระยะเวลากว่า 9 ปี ของ “โรงพยาบาลเอส สไปน์” โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง ที่ได้รับความไว้วางใจจากคนไข้ที่มารักษามากกว่า 100,000 ราย โดยใช้เทคนิคการรักษาระดับสากล เช่น MIS (Minimally Invasive Surgery) หรือการผ่าตัดแผลเล็ก ที่ช่วยลดบาดแผล ลดการเสียเลือด และลดเวลาพักฟื้นจนผู้ป่วยกว่า 95% สามารถกลับบ้านได้ภายใน 1 วัน
“โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ (S Spine and Joint Hospital)” ขณะนี้กำลังเดินเข้าสู่ภูเขาลูกที่สาม จากความสำเร็จ การเป็น“โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อ” สู่ “โรงพยาบาล เอส โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านระบบประสาท และรักษาความพิการ (S Nerve Hospital)”ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น การตัดต่อเส้นเอ็น การโยกย้ายกล้ามเนื้อ เพื่อทำให้คนพิการใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงคนทั่วไปมากที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'OSSICURE Bone Graft'เชื่อมกระดูกสันหลัง เพิ่มโอกาสผู้ป่วย ลดค่าใช้จ่าย
'ออฟฟิศซินโดรม'ชนวนเกิดโรคกระดูกสันหลังเสื่อม
ทีมแพทย์เฉพาะทาง ใช้เทคโนโลยีรักษา
นพ.ดิตถพงษ์ บุญอำพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า จากความไว้วางใจของคนไข้มากกว่าแสนราย ได้ต่อยอดมาเป็น โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ ยกระดับเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้ออย่างเต็มรูปแบบ พร้อมพัฒนาศูนย์เฉพาะทางเพิ่มเติมเพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ คนทำงาน ซึ่งมีแนวโน้มปัญหาโรคกระดูกและข้อเพิ่มสูงขึ้น และยังคงมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ
ทุกโรงพยาบาลต่างมีการดูแลรักษาโรคกระดูกสันหลังและข้อ แต่อาจจะไม่มีความเฉพาะทาง ซึ่งการมีโรงพยาบาลเฉพาะทางในการดูแลโรคกระดูกสันหลังและข้อ ไม่ใช่เพียงมีหมอที่เก่ง และเชี่ยวชาญเท่านั้น แต่การรักษาคนเหมือนกับการสร้างบ้าน หากมีหมอเก่งก็เหมือนมีวิศวกร สถาปนิกที่เก่ง และการจะทำให้บ้านดีมีเพียงสถาปนิกและวิศวกรที่ดีอย่างเดียวไม่ได้ หากไม่มีช่างก่อสร้างที่ดี
ทั้งนี้ ช่างก่อสร้างก็เสมือนกับทีมงาน บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทุกคนที่อยู่ในโรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังและข้อ รวมถึงต้องมีเครื่องมือแพทย์ที่ดีและทันสมัยร่วมด้วย
มากกว่าการรักษา คือการให้ความรู้
“โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางที่มีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ และเครื่องมืออุปกรณ์ที่ดีและทันสมัย เพื่อนำไปสู่การรักษาที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วย และการขยายโรงพยาบาลและการพัฒนาบริการรักษากระดูกสันหลังและข้อแบบครบวงจร ไม่ใช่แค่เพื่อให้บริการทางการแพทย์ที่ดีที่สุด แต่เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกครั้ง การให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องและการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาการรักษาที่มีประสิทธิภาพ” มากกว่าการรักษา แต่คือการให้ความรู้”นพ.ดิตถพงษ์ กล่าว
จากวิวัฒนาการของมนุษย์ที่เกิดสองขา ทำให้กระดูกสันหลังต้องรับแรงมากขึ้น รวมทั้งเข่าที่รับแรงทั้งหมด และเมื่ออายุมากขึ้น เลนส์ตาจะขยับได้ยาก ทำให้สายตายาว ดังนั้น มนุษย์ทุกคนจึงมีปัญหาปวดกระดูกสันหลัง และตอนนี้ที่มีการใช้มือถือมากขึ้น ทำให้มีปัญหาปวดคอร่วมด้วย
“มนุษย์มีต้นทุน 2 อย่างที่เหมือนกัน คือ เวลา และสุขภาพ ไม่ว่าจะมีฐานะอะไร ดังนั้น ทำอย่างไรให้สุขภาพของเราดีที่สุด ต้องมีการศึกษาหาความรู้ที่ดี และโรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ เชื่อว่า การรักษาที่ดีเริ่มต้นจากการให้ความรู้ที่ถูกต้อง ไม่เพียงแต่การรักษาผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการให้ความรู้แก่ผู้คนในสังคมเพื่อการดูแลสุขภาพที่ถูกวิธี ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหากระดูกสันหลังและข้อในอนาคตได้”นพ.ดิตถพงษ์ กล่าว
พื้นที่สร้างคุณภาพชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วย
“โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์” โรงพยาบาลที่พร้อมดูแลรักษาการเคลื่อนไหวของทุกคนอย่างครบวงจร ซึ่งทุกการเคลื่อนไหวในชีวิตเริ่มจากหลังที่มั่นคง และข้อที่แข็งแรง โรงพยาบาลแห่งใหม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น มีห้องผ่าตัดเฉพาะทางที่มากขึ้น พร้อมเครื่องมือสำหรับการผ่าตัดข้อและกระดูกสันหลังโดยเฉพาะ ทุกพื้นที่ได้ออกแบบให้รองรับผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเดิน การทรงตัว และการเคลื่อนไหว ทุกแผนก ทุกทีมแพทย์ล้วนมุ่งมั่นในเป้าหมายเดียวกันให้ทุกคนได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ เพราะโรงพยาบาลไม่ใช่เพียงสถานที่ในการรักษา แต่เป็นพื้นที่ที่สร้างคุณภาพชีวิตใหม่ ให้แก่ผู้ป่วย
นพ.ศรัณย์ จินดาหรา แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อ กล่าวว่าจากการทำงานที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ มาเป็นระยะเวลา 7 ปี โดยมุ่งเน้นการรักษาคนไข้ตามนโยบายของโรงพยาบาล คือ การรักษาคนไข้แบบองค์รวม เพื่อให้คุณภาพชีวิตของคนไข้ดีขึ้น รวมถึงทางโรงพยาบาลจะสนับสนุนทางด้านวิชาการ ทั้งในเรื่องการพัฒนาฝีมือการรักษา การผ่าตัด ได้มีการส่งไปอบรมเพิ่มเติมที่ต่างประเทศ เพื่อนำความรู้และประสบการณ์มาช่วยรักษาผู้ป่วย
เทคโนโลยีทันสมัย MIS แผลเล็กเจ็บน้อบ
โรคกระดูกสันหลังสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมในชีวิตประจำวัน เช่นปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ,ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักตัว รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงกระดูก และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ แต่หากปรับพฤติกรรมแล้วยังมีอาการปวดเรื้อรัง การค้นหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อการรักษาเป็นสิ่งสำคัญ โดยมี 2 แบบตามอาการได้แก่ 1.การรักษาแบบไม่ผ่าตัด ทำกายภาพบำบัด เช่น การยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเสริมความแข็งแรงของหลัง การใช้ยาลดอาการอักเสบและบรรเทาอาการปวด
2.การรักษาด้วยการผ่าตัด โรงพยาบาลเอส สไปน์ มีวิธีการผ่าตัดกระดูกสันหลังแบบแผลเล็ก เรียกว่าเทคโนโลยี MIS (Minimally Invasive Spine Surgery) เช่น การจี้เลเซอร์ รักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เทคนิค PSCD รักษาอาการปวดคอร้าวลงแขนที่เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับ และเทคนิค PSLD รักษาโรคหมอนรองกระดูกส่วนหลังตีบแคบหรือปลิ้นทับเส้นประสาท
“การรักษาด้วยผ่าตัด ช่วยลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อรอบกระดูกสันหลัง ทำให้ผู้ป่วยเสียเลือดน้อย เจ็บปวดหลังการผ่าตัดลดลง และฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลเพียง 1 คืน และเพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังและข้อที่เพิ่มขึ้นในอนาคต”
ตรวจวินิจฉัยแม่นยำ รักษากระดูกสันหลัง
3. เครื่อง MRI แบบยืน (Standing MRI) – วินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น โรงพยาบาลเอส นำเข้าเครื่อง MRI แบบยืน (Standing MRI) เครื่องแรกของประเทศไทย ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยโรคได้แม่นยำขึ้นกว่าการตรวจ MRI แบบเดิม เนื่องจากสามารถประเมินการทำงานของกระดูกสันหลังในท่าทางที่ใกล้เคียงกับการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นท่ายืน นั่ง หรือก้มเงย ทำให้สามารถตรวจพบปัญหาเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกสันหลังที่อาจไม่แสดงอาการในขณะนอนตรวจแบบเดิม
4. ศูนย์กายภาพบำบัดครบวงจร โรงพยาบาลเอส มีศูนย์กายภาพบำบัดที่ทันสมัย รองรับการฟื้นฟูผู้ป่วยหลังการผ่าตัดกระดูกสันหลังและข้อ รวมถึงผู้ที่มีอาการปวดจากโรคกล้ามเนื้อและกระดูก โดยมีบริการที่ครอบคลุม เช่น การฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายหลังผ่าตัด กายภาพบำบัด โดยใช้เทคนิค Shockwave Therapy, Hydrotherapy และ High-intensity Laser Therapy และการฝึกเดินด้วยระบบหุ่นยนต์ (Robotic Gait Training) สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเดิน
5. ศูนย์อุปกรณ์และสินค้าเพื่อสุขภาพ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรงพยาบาลเอส ได้จัดตั้งศูนย์อุปกรณ์และสินค้าเพื่อสุขภาพ ที่รวบรวมอุปกรณ์ทางการแพทย์คุณภาพสูง เช่น อุปกรณ์พยุงหลัง ข้อเข่า ข้อสะโพก หมอนและที่นอนเพื่อสุขภาพที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงกดทับ
6. ทำเลที่เดินทางสะดวก
ด้าน นพ.พร นริศชาติ แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง กล่าวว่า โรงพยาบาลเฉพาะทางจะมีความเป็นมืออาชีพสูง แพทย์ทุกท่านต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการดูแลรักษาผู้ป่วย อีกทั้งจะมีเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย มีการผ่าตัดส่องกล้อง มีบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่มีความรู้งาน รู้หน้าที่ของตนเอง ดังนั้น ผู้ป่วยทุกคนที่เข้ามารักษาที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ จะได้รับการรักษาเฉพาะบุคคลจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย และคืนคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ป่วย