'กัมพูชา' แจงข้อเท็จจริงคณะกรรมการ'อนุสัญญาออตตาวา'
เว็บไซต์แขมร์ไทม์สรายงาน ดร.ลี ทุช รัฐมนตรีอาวุโส รองประธานองค์การช่วยเหลือเหยื่อและปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAA) ปฏิเสธเสียงแข็งต่อข้อกล่าวหาของไทยที่ว่ากัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ ตามแนวชายแดน
เมื่อวันศุกร์ (22 ส.ค.) ลี ทุช ได้เข้าประชุมออนไลน์กับนางอิชิกาวา โทมิโกะ ประธานอนุสัญญาต่อต้านทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) และคณะกรรมาธิการความร่วมมือของอนุสัญญาเพื่อชี้แจงข้ออ้างดังกล่าว ในโอกาสนี้นายอิน ดารา ผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติในนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์เข้าร่วมประชุมด้วย
ลี ทุช กล่าวว่า ข้อกล่าวหาของไทย “ไม่มีมูล” ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ พร้อมกันนั้นเขาได้เน้นย้ำถึงความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของกัมพูชาในการลดอันตรายของ ทุ่นระเบิด เปลี่ยนพื้นที่ที่เต็มไปด้วยทุ่นระเบิดมาเป็นพื้นที่ปลอดภัยเพื่อการพัฒนา รักษาชีวิตพลเรือนได้นับไม่ถ้วน ไม่เพียงเท่านั้นกัมพูชายังมีบทบาทในการเป็นผู้นำโลกกำจัดทุ่นระเบิด แบ่งปันความเชี่ยวชาญของตนเอง และฝึกอบรมชาติอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิด
กัมพูชาเป็นผู้นำที่น่าเชื่อถือในขบวนการต่อต้านทุ่นระเบิดของโลก เคยเป็นประธานอนุสัญญาออตตาวาสองครั้งในปี 2011 และ 2024ในฐานะประเทศที่มีทุ่นระเบิดมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก กัมพูชาได้รับการยอมรับว่าเป็นกลไกสำคัญของขบวนการต่อต้านทุ่นระเบิดและอนุสัญญาออตตาวาเอง
ลี ทุชย้ำด้วยว่า กัมพูชา “ไม่เคยและจะไม่มีวันใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” ข้อกล่าวหาเลื่อนลอยของไทยทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของกัมพูชาอย่างรุนแรง
ในโอกาสนี้ ลี ทุช ยังได้กล่าวถึงความคิดริเริ่มใหม่ที่เปิดตัวโดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตของกัมพูชา เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการกำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกับไทยในพื้นที่ชายแดนที่มีการกำหนดเขตชัดเจน
ข้อเสนอนี้ซึ่งมีจุดมุ่งหมายสร้างหลักประกันความปลอดภัยและพัฒนาพื้นที่ชายแดน จะนำมาหารือกันในคณะกรรมาการชายแดนทั่วไปกัมพูชา-ไทย (GBC) โดย CMAA พร้อมนำมาปฏิบัติข้อริเริ่มนี้ทันทีเมื่อบรรลุข้อตกลงกันได้
ด้านนางอิชิกาวา โทมิโกะ และสมาชิกคณะกรรมการความร่วมมือ แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อทหารและพลเรือนกัมพูชาผู้เสียชีวิตและพลัดที่นาคาที่อยู่จากการปะทะกันบริเวณชายแดนล่าสุด เธอได้อวยพรให้กัมพูชากลับคืนสู่สันติสุขโดยเร็ว และยกย่องความพยายามลดอันตรายของทุ่นระเบิดอย่างไม่หยุดหย่อนของกัมพูชา พร้อมชมเชยโครงการริเริ่มของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตว่า เป็นก้าวย่างสร้างสรรค์เพื่อการปกป้องชุมชน เสริมสร้างพัฒนาการด้านสังคมเศรษฐกิจ