กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
งานวิจัยในกลุ่มวัยรุ่นและคนหนุ่มสาวในเกาหลีพบว่า ผู้ที่รับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ มีโอกาสสูงขึ้นที่จะมีระดับไตรกลีเซอไรด์ ความดันเลือด และน้ำตาลในเลือดสูงกว่ากลุ่มที่รับประทานไม่เกิน 1 ครั้งต่อเดือน ขณะที่งานวิจัยของ Harvard และ Baylor Medical ในเกาหลีใต้ พบว่า ผู้หญิงที่รับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงต่อภาวะเมตาบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome) เพิ่มขึ้นถึง 68% ซึ่งเป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดสมอง
ในประเทศญี่ปุ่น การศึกษาพบความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนร้านราเม็งต่อประชากรในแต่ละจังหวัดกับอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง ยิ่งมีร้านมาก อัตราการเสียชีวิตก็ยิ่งสูง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดที่ว่าอาหารประเภทนี้อาจมีบทบาทต่อสุขภาพหลอดเลือด นอกจากนี้ การบริโภคอาหารแปรรูปสูง (Ultra-processed Foods) ซึ่งรวมถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วย ก็พบว่ามีความเชื่อมโยงกับโรคเบาหวาน โรคอ้วน มะเร็ง และโรคหัวใจ โดยการบริโภคอาหารแปรรูปสูงเพิ่มขึ้นทุกiร้อยละ 10 อาจทำให้ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และความเสี่ยงจากโรคหัวใจเพิ่มขึ้นร้อยละ 17
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งซองยังมีปริมาณโซเดียมเกินครึ่งหนึ่งของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของความดันโลหิตสูง และเกี่ยวข้องโดยตรงกับโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ลดการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเหลือไม่เกิน 1 ครั้งต่อเดือน และควรเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ผัก ผลไม้ และอาหารที่มีโซเดียมต่ำ รวมถึงควรตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะความดันโลหิต น้ำตาล และไขมันในเลือด เพื่อป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- วัดเส้นรอบคอ สามารถชี้วัด ความเสี่ยงโรคหัวใจ การศึกษาชี้
- เทคโนโลยี BOLD MRI รักษาโรคหลอดเลือดโมยาโมย่า อย่างแม่นยำ
- เช็กด่วน! 5 พฤติกรรมเสี่ยง "โรคหัวใจ" ในวัยรุ่นและวัยทำงาน
- งานวิจัยเผย ผู้หญิงที่ประกอบอาชีพอิสระ เสี่ยงเกิดโรคหัวใจ ได้น้อยกว่าผู้หญิงที่ทำงานในระบบลูกจ้าง
- สัญญาณเตือน อัมพาตเฉียบพลัน (Stroke) พร้อมวิธีรับมืออย่างทันท่วงที