เสริมทักษะสุขภาพ–นวัตกรรม ดันบัณฑิตไทยสู่ Soft Power ด้าน Wellness
แนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรม Wellness ทั่วโลกว่า เป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้การดูแลสุขภาพตนเองอย่างเข้าใจ และสามารถต่อยอดไปสู่การประกอบอาชีพหรือพัฒนาธุรกิจด้านสุขภาพที่สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ โดยปัจจุบันมูลค่ารวมของอุตสาหกรรม Wellness ทั่วโลกอยู่ที่กว่า 230 ล้านล้านบาท
คาดว่าจะขยายตัวแตะระดับ 300 ล้านล้านบาท ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ครอบคลุมธุรกิจหลักหลายด้าน ได้แก่ สุขภาพและความงาม, โภชนาการเพื่อสุขภาพ, การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อ Wellness เป็นต้น ซึ่งทุกกลุ่มมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องและสะท้อนว่าประชากรทั่วโลกให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพดีในระยะยาวมากยิ่งขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
สหรัฐฯเก็บภาษีนำเข้า19% ฉุดตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชะลอตัว
ชะลอวัย สุขภาพดี เริ่มที่ 'กินอิ่ม' เคล็ดลับไม่อยากแก่ ต้องลอง!
เพิ่มทักษะสุขภาพ นวัตกรรมปั้นบัณฑิตไทย
ล่าสุด หลักสูตรบัณฑิตศึกษา วิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ (CIMw) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดกิจกรรมปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา 2568 ณ ห้องปรีดี พนมยงค์ อาคาร 7 ชั้น 6 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยมี ผศ.ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานวิชาการ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานและกล่าวต้อนรับนักศึกษาใหม่
กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อแนะแนวการศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษา โดยเน้นทำความเข้าใจเป้าหมายของหลักสูตรในแต่ละสาขา สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ทั้งด้านวิชาการและวิชาชีพ และเตรียมความพร้อมด้านทักษะการเรียนรู้แบบบูรณาการในศาสตร์สุขภาพ นวัตกรรม และการบริหารจัดการ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถวางแผนเส้นทางอาชีพได้อย่างมั่นคง
ผศ.ดร.พัทธนันท์ กล่าวว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ (Aged Society) โดยคาดว่าภายในปี พ.ศ. 2571 เกินกว่า 20% ของประชากรจะมีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วอย่างจีนและญี่ปุ่นก็กำลังเผชิญความท้าทายในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น การเรียนรู้ศาสตร์ด้านสุขภาพแบบองค์รวม รวมถึงเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Medicine) และเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Regenerative Medicine) จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ได้เล็งเห็นความสำคัญในประเด็นนี้และเปิดสอนหลักสูตรตามแนวทางดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี ปัจจุบันผลิตผู้เชี่ยวชาญในสายนี้แล้วมากกว่า 5,000 คน เพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรคุณภาพในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต
พัฒนาหลักสูตรเวชศาสตร์ป้องกัน-เวชศาสตร์ฟื้นฟู
รองอธิการบดีสายงานวิชาการ DPU กล่าวต่อไปว่า การเลือกศึกษาต่อในสายเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Medicine) และเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Regenerative Medicine) ถือเป็นการลงทุนระยะยาวทั้งต่อตนเองและสังคม ซึ่งในปัจจุบันแม้เทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในวงการสุขภาพ ช่วยให้งานประจำวันบางอย่างเป็นไปได้อย่างสะดวก เช่น การติดตามผล การนัดหมายตรวจ โดยอาจช่วยตอบคำถามพื้นฐานได้ แต่ AI ไม่ได้มาแทนบุคลากรสายสุขภาพ เพราะการสร้างปฏิสัมพันธ์และการใส่ใจความรู้สึกของคนไข้ ยังคงเป็นสิ่งที่เครื่องจักรไม่สามารถทดแทนได้
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ยังคงเดินหน้าพัฒนาหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาเพื่อผลิตผู้เชี่ยวชาญในสายเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Medicine) และเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Regenerative Medicine) อย่างต่อเนื่อง ในระดับปริญญาโทจำนวน 4 หลักสูตร และปริญญาเอกอีก 4 หลักสูตร เพื่อผลิตกำลังคนคุณภาพที่มีทั้งความรู้และคุณธรรมสำหรับป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรม Wellness เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมสุขภาวะได้อย่างยั่งยืน
ด้าน ผศ.นพ.มาศ ไม้ประเสริฐ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า กิจกรรมปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ในปีการศึกษา 2568 ได้รับการปรับรูปแบบให้ทันสมัยมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับความหลากหลายของนักศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มที่เรียนวันเสาร์–อาทิตย์ที่ไม่คุ้นเคยกับระบบของมหาวิทยาลัย จึงเน้นการให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน ควบคู่ไปกับการสร้างแรงบันดาลใจและความผูกพันกับองค์กร ผ่านกิจกรรมที่กระชับ เข้าถึงง่าย และช่วยให้นักศึกษาตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพในตัวเอง
“สิ่งที่เราคาดหวังจากกิจกรรมนี้คือ นักศึกษาจะไม่เพียงแค่ได้รับความรู้เท่านั้น แต่ต้องเกิดพลัง ฮึกเหิม และกล้าฝันมากขึ้น เพราะการศึกษาที่แท้จริง ต้องสามารถปลุก ‘ยักษ์หลับ’ ในใจของนักศึกษา ให้เขาเห็นศักยภาพที่มีในตัวเอง และกล้าที่จะก้าวเดินไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยคิดไว้ ซึ่งกิจกรรมเล็ก ๆ อย่างปฐมนิเทศ หากออกแบบด้วยความใส่ใจ ก็สามารถกลายเป็น “สารอาหารแห่งแรงบันดาลใจ” ที่บำรุงสมองและหัวใจให้พร้อมเผชิญโลกการเรียนรู้ได้”คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ DPU กล่าว
สำหรับในปีการศึกษา 2568 วิทยาลัยฯ ได้เปิดสอนหลักสูตรใหม่เพิ่มเติมอีก 2 หลักสูตรในปีนี้ รวมเป็น 4 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรดุษฎีบัณฑิต (Doctor of Philosophy) รุ่นที่ 1 หลักสูตรบริหารจัดการธุรกิจสุขภาพและความงาม รุ่นที่ 2 หลักสูตรด้านผลิตภัณฑ์เสริมความงาม (Aesthetic) รุ่นที่ 4 และ หลักสูตรเครื่องสําอางและเวชสำอาง (Cosmeceutical) รุ่นที่ 24 พร้อมทั้งมีแผนพัฒนาหลักสูตรใหม่ในอนาคต อาทิ วิทยาศาสตร์การกีฬา เภสัชศาสตร์ และจิตวิทยา โดยกำลังอยู่ระหว่างการจัดโครงสร้างหลักสูตร ทั้งยังมีแนวคิดในระยะยาวในการจัดตั้ง “คณะแพทยศาสตร์” ภายใต้แนวคิดคุณภาพสูงและแตกต่างจากระบบเดิม เพื่อให้สามารถสร้างอิมแพคต่อระบบสาธารณสุขและสังคมไทยได้อย่างแท้จริงในอีก 5–10 ปีข้างหน้า
ภายในงานยังมีการบรรยายพิเศษหัวข้อ “พลังของความรู้ สู่คุณค่าทางธุรกิจ : โอกาสสำหรับนักศึกษาปริญญาโท-เอกในยุคสุขภาพมาแรง” โดย ดร.พีระยุทธ มั่งคั่ง รองคณบดีวิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า ไม่ใช่เพียงสถานที่จัดการเรียนการสอน แต่คือพื้นที่แห่งการหว่านเมล็ดความรู้ที่พร้อมเติบโตเป็นพลังขับเคลื่อนในอนาคต อีกทั้งการเรียนในระดับบัณฑิตศึกษาไม่ใช่เพียงการเพิ่มวุฒิ แต่คือการติดอาวุธทางปัญญา
ในยุคที่สุขภาพกลายเป็นประเด็นระดับโลก และอุตสาหกรรมสุขภาพมีมูลค่าสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของเศรษฐกิจโลก การเรียนรู้ที่ CIMw จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ เปลี่ยนวิธีคิด และยกระดับศักยภาพผู้เรียนให้เข้าใจทั้งศาสตร์สุขภาพและศาสตร์บริหาร พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำในหลากหลายบทบาท ทั้งนักวิจัย ผู้บริหาร หรือผู้ประกอบการ โดยไม่เพียงมุ่งผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ แต่ยังตั้งเป้าให้เป็น Soft Power ด้านสุขภาพของประเทศ ผ่านการบูรณาการองค์ความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่นร่วมกับนวัตกรรมระดับสากล เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนที่ยั่งยืนสู่สังคมในอนาคต
อย่างไรก็ตามการจัดงานในครั้งนี้มีการจัดกิจกรรมหลากหลายเพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้าใจให้นักศึกษาใหม่อย่างรอบด้าน อาทิ การบรรยายพิเศษ การแนะแนวหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา การแนะนำระบบ SLCM งานทะเบียน ห้องสมุด และแหล่งข้อมูลทางวิชาการ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากศิษย์เก่าซึ่งช่วยเสริมแรงบันดาลใจและมุมมองเชิงปฏิบัติ พร้อมช่วงแนะนำคณาจารย์ในหลักสูตร เพื่อสร้างความใกล้ชิดและความมั่นใจในการเริ่มต้นเรียนรู้ ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น เป็นกันเอง และสะท้อนถึงความพร้อมของวิทยาลัยในการดูแลนักศึกษาอย่างใกล้ชิดตลอดการศึกษา