โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

กัมพูชาไม่รอดแน่ถ้าไม่พึ่งไทย ฮุน เซนยังไม่ทันทำ'สงคราม'ก็แพ้แล้ว (ยกเว้นคนไทยหักหลังกันเอง)

The Better

อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • THE BETTER

การทำสงครามไม่ได้วัดกันแค่ใครมีอาวุธที่ดีกว่ากัน แต่ยังวัดกันด้วยว่า "ใครสายป่านยาวกว่ากัน"

ฮุน เซน ไม่ใช่คนที่ช่ำชองเรื่องเศรษฐกิจ ตรงกันข้ามกับไทยที่มี 'เจ้าสัว' เต็มบ้านเต็มเมือง แม้แต่ในหมู่นักการเมืองก็รู้จักวิธีหาเงิน

เสียอย่างเดียว นายทุน-นักการเมืองบ้านเราเห็นแก่ตัวกันไปหน่อย ถ้าเห็นแก่บ้านเมืองมากขึ้นสักนิด "กัมพูชาถูกทุนไทยถล่มเละไปแล้ว"

ฮุน เซน ถนัดแต่ปั่นชาตินิยมอันตื้นเขิน ดังนั้นจึงคิดว่าการทำให้คนในชาติหลงเชื่อว่าประเทศตัวเองดีเลิศกว่าใคร จะเป็นแรงผลักดันให้เอาชนะไทยได้

แต่สงครามเขาวัดกันที่ใครมีเงินมากกว่ากันและหาเงินเก่งกว่ากัน ไม่ได้วัดว่า "ใครรักชาติมากกว่ากัน"

และความรักชาติควรจะเป็นแรงผลักดันตนเองให้พัฒนาการพึ่งตนเอง ซึ่ง ฮุน เซน นั้นไม่ได้ทำเรื่องนี้ เพราะหากเร่งพัฒนา ประชาชนจะมีกินมีใช้ แล้วจะเกิดตาสว่างว่าตัวเองอยู่ภายใต้บาทาของพวกฮุนมาได้อย่างไรหลายสิบปี

ดังนั้น ชาตินิยมของ ฮุน เซน ไม่ใช่การสร้างตัวเอง แต่เป็นการสร้างไทยเป็นศัตรู แล้วกดประชาชนให้อดอยากกด้วยการตัดขาดกับเศรษฐกิจไทย ให้ประชาชนจนและยากแค้นลงเรื่อยๆ ในขณะที่สติปัญญาก็ไม่ได้สว่างไสวขึ้น ผลก็คือคนเขมรก็จะยิ่งโกรธไทย

สภาพของกัมพูชาในเวลานี้ก็ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งนโลกอยู่แล้ว ฮุน เซน ยังใจไม้ใส้ระกำบีบให้ประชาชนอย่าพึ่งพาสินค้าจำเป็นจากไทย ทั้งน้ำมัน อินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า นับว่าอำมหิตเกินไป

ฮุน เซน บอกว่า "กัมพูชาต้องระมัดระวัง ประเด็นยุทธศาสตร์คือห้ามซื้ออะไรก็ตามจากไทย นั่นคือห้ามซื้อไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต น้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซโดยเด็ดขาด” และ “อย่าซื้ออะไรก็ตามอย่างไฟฟ้า ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะตัดไฟแล้วเราจะเราตาย น้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซเมื่อเกิดวิกฤตพวกเขาจะตัดไฟ เราก็จะตายเพราะพวกเขาขู่เราได้ นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะพวกเขาขู่เราตอนข้อพิพาทชายแดน”

ของพวกนี้ กัมพูชาต้องพึ่งไทยเท่านั้น หากไม่พึ่งไทยก็ต้องซี้แหงแก๋ แพ้สงครามตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

ผมจะเล่าให้ฟังว่า การขาดน้ำมันมันสร้างความพินาศได้แค่ไหน โดยช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐฯ ไม่ยอมขายน้ำมันให้ญี่ปุ่น ทำให้ญี่ปุ่นเขาตาจนเพราะหาน้ำมันมาทำอัดฉีดสงครามไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ และรุกรานมาลายา กับอินโดนีเซีย และพม่า อันเป็นแหล่งน้ำมันในกำมือของฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ในที่สุดญี่ปุ่นก็ต้องแพ้ไปเพราะเท่ากับดึงสหรัฐฯ ที่ทรงพลังกว่ามาเป็นศัตรูโดยตรงกับตน

แต่ ฮุนเฒ่าเป็นคนเก๋าเกม สารที่เขาส่งไปถึงคนกัมพูชาไม่ได้ส่งถึงคนกัมพูชา เพราะคนเขมรที่ไหนจะมีปัญาหยุดซื้อของใหญ่ๆ พวกนั้น ดังนั้นข้อความนี้จึงส่งไปถึงคนที่ควบคุมเรื่องนี้โดยตรง นั่นคือ 'นายทุน-นักการเมืองในไทย'

ฮุน เซน รู้ว่า 'นายทุน-นักการเมืองในไทย' ต้องการจะหาเงินจากการขายสินค้าประเภท 'ยุทธปัจจัย' พวกนี้ให้กัมพูชาเพราะเป็นแหล่งรายได้ถาวรมานาน

ดังนั้น ฮุน เซน จึงแสดง (หรือแสร้ง) ความ 'รำคาญ' ผ่านสื่อในวาระเดียวกันโดยบอกว่าพวกที่ไทยรบเร้าให้เปิดด่านเสียที แต่เขาประกาศลั่นว่าไทยปิดด่านเองก็ต้องเปิดเอง จะมาเซ้าซี้เขาทำไม

นี่คือการแสดงท่าที 'เหนือกว่า' ทั้งที่ไม่ได้เหนือว่า แต่ดูจะเหมือนจะเหนือกว่าเพราะนายทุน-นักการเมืองในไทยเห็นแก่เงินมากกว่าศักดิ์ศรีของประเทศ

โปรดทราบว่า ถ้าทนอีกสักหน่อยกัมพูชาจะตายซากแน่นอน แม้แต่ ฮุน เซน อาจจะกลายเป็นซากไปด้วย เพราะไม่มีใครจะ 'พยุง' กัมพูชาได้มากเท่าไทย

เฉพาะน้ำมันกัมพูชานำเข้าจากไทย 29% นำเข้าจากเวียดนาม 29% จากสิงคโปร์ 18% จากอินโดนีเซีย 11% และอื่นๆ 18%

แต่เวียดนามนั้นไม่อยู่ในฐานะให้พึ่งอยู่แล้วเพราะสาธารณูปโภคก็ไม่ได้ดี แถมยังเพิ่ง 'คุกเข่า' ให้กับทรัมป์โดยยอมเปิดประเทศอ้าซ่าให้สินค้าสหรัฐฯ เข้ามาเต็มที่โดยแลกกับที่ทรัมป์จะลดภาษีให้ แต่ทรัมป์ 'หักหลัง' โดยลดให้แค่ครึ่งเดียว

เศรษฐกิจของเวียดนามจะทุลักทุเลมากหลักจากนี้ แล้วกัมพูชาจะบากหน้าไปพึ่งใครได้อีก?

แม้ว่าจะนำเข้จากสิงคโปร์เพิ่ม แต่กัมพูชาจะสู้ราคาไหวหรือ?

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ฮุน มาเนต บากหน้าไปขอซื้อน้ำมันจากสิงคโปร์ แต่เขาไม่ขายให้ - นี่เป็นข่าวปลอมที่ถูกปฎิเสธแล้วจากทางการสิงคโปร์และสื่อที่เชื่อถือได้คือ AFP

แต่ ฮุน เซน ก็ยังไม่วายดึงสิงคโปร์เข้ามายุ่ง เมื่อนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ลอว์เรนซ์ หว่อง เดินทางมาเยือนกัมพูชาเมื่อวันก่อน ซึ่งแม้จะเป็นการเยือนตามวาระแนะนำตัวและตามคำเชิญของกัมพูชา

แต่ฮุนจอมเก๋าใช้โอกาสนี้ 'ฟ้อง' ชาวโลกผ่านผู้นำสิงคโปร์อีกแล้ว มุกนี้แม้แต่คนประเทศอื่นก็เอือมระอา เพราะแสดงถึงความไร้วุฒิภาวะ เพราะตัวเองไปเชิญผู้นำสิงคโปร์มาก ก็ควรจะคุยเฉพาะทิวภาคี ไม่ใช่ไตรภาคี คือ ลากบุคคลที่สามไปเกี่ยวข้องด้วย

หากเป็นประเทศใหญ่กว่ามีหวัง 'ถูกดุ' ไปแล้ว แต่ผู้นำสิงคโปร์อ่อนหัดไปหน่อยจึงรับลูกแบบเบาๆ ด้วยการวอนให้ไทยกับกัมพูชาเพลาๆ มือลงบ้าง

ที่จริงแล้ว ผู้นำสิงคโปร์ไม่ควรเอ่ยปากเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะขัดต่อหลักการไม่แทรกแซงของอาเซียน และไม่ใช่กงการอะไรของประเทศตัวเองที่อยู่ไกลคนละโยชน์ แต่เพราะอยากจะซื้อไฟฟ้าจากกัมพูชา (ซึ่งมีน้อยนิด) โดยที่การซื้อไฟฟ้านี้จะต้องผ่านไทยไปถึงสิงคโปร์ ผู้นำสิงคโปร์คงคิดตื้นไปหน่อยหากทำตัว "ปากมาก" ในความขัดแย้งนี้ ก็จงระวังจะไม่ได้ไฟจากไทยไปใช้

แต่ถึงตอนนี้มันสะท้อนให้เห็นอย่างหนึ่งว่าพวกฮุน 'เก่งแต่ปาก' ฟ้องได้ฟ้องดีแต่ดำเนินนโยบายมั่วซั่วไปหมด เพราะคิดจะชนกับไทยแบบเก๋าเกมจริงๆ ก็ควรจะแสร้างๆ ซื้อ 'ยุทธปัจจัย' จากไทยไปก่อน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง แต่พวกเขากินศักดิ์ศรีเป็นอาหารจึงทำให้ต้อง 'ตัดขาด' จากระบบเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นเรื่องโง่เขลาอย่างมากในด้านยุทธศาสตร์

แต่สำหรับคนไทยที่รักชาติแล้วควรถือเป็นเรื่องที่ดีที่ พวกฮุนเขลากันขนาดนี้ เท่ากับใช้มือบีบคอตัวเองและกระทืบประชาชนทางอ้อม

สิ่งที่ดีงามอีกเรื่องก็คือ เมื่อเขมรไม่เอาไฟจากเรา น้ำมันจากเรา และอินเทอร์เนตจากเรา พวกสแกมเมอร์ที่พวกชนชั้นนำที่นั่นเลี้ยงไว้ก็จะเฉาไปเอง เป็นคุณต่อไทยถึงสองดอก

แต่ก็นั่นแหละครับ ขึ้นอยู่กับว่า 'นายทุน-นักการเมืองในไทย' เห็นแก่บ้านเมืองแค่ไหน ระหว่างยอมให้เลือดออกบ้างเพื่อให้คนไทยซูฮก กับยอมกัมหัวให้พวกฮุนเพื่อที่ตัวเองจะค้าขายกับพวกนั้นต่อไป

อีกเรื่องที่สำคัญมากก็คือ ณ เวลานี้ 'นายทุน-นักการเมืองในไทย' หากทิ้งผลประโยชน์ไม่ได้ ก็ควรจะคิดได้เหมือนกันว่า ไม่ควรแบ่งผลประโยชน์ให้กัมพูชาในอนาคต - ผมหมายถึงผลประโญชน์ด้านพลังงานในอ่าวไทย ซึ่ง "อยู่ในน่านน้ำของไทย" ไม่ใช่ของที่จะต้องไปแบ่งกับกัมพูชา

ดังนั้น MOU ทั้งหลายที่ไม่เป็นธรรมที่ทำกับประเทศนี้จึงควรฉีกทิ้งไปซะ แล้วทำให้กัมพูชาพึ่งพาพลังงานจากไทย ไม่ใช่เอาพลังงานในแผ่นดินของเราไปถวายพานให้พวกฮุน แล้วนายทุน-นักการเมืองในไทยกินเศษผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่พวกฮุนเปิดตลาดกัมพูชาให้

ไม่ดีกว่าหรือที่เราจะรักษา "ของๆ เรา" เอาไว้หากินเองเต็มๆ หรือแบ่งให้ประเทศใหญ่น้อยอื่นๆ ที่น่าคบหากว่าเขมรมาร่วมทุนกับเรา ในขณะที่การ "ยอมรับ 'พื้นที่ทับซ้อน' และ 'การร่วมลงทุน' เท่ากับมอบพลังงานให้กัมพูชา แล้วในอนาคตข้างหน้ากัมพูชามีปัญหากับไทย จะไม่ปีกกล้าขาแข็งกว่านี้หรือ?

หรือว่านายทุน-นักการเมืองในไทยยังเห็นพวกฮุนเป็น 'ญาติมิตร' ผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะแม้แต่ 'หลานอุ๊งอิ๊ง' ก็ยังถูกแทงข้างหลัง จนกระทั่งพ่อของหลานโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว

คนแบบนี้แม้แต่ชาวเน็ตในเมืองจีน (จีนนั้นเป็นมิตรกับกัมพูชาพอๆ กับไทย) ยังบอกว่าคบไม่ได้ ถ้านายทุน-นักการเมืองในไทยยังคบต่อไปแล้วแบ่งเค้กกันได้ลง ผมเห็นว่าขลาดเขลายิ่งกว่าที่พวกฮุนกำลังเป็นอยู่ในเวลานี้เสียอีก

ย้ำครับว่า ถ้าพวกฮุนถือว่านี่คือ 'สงคราม' สงครามครั้งนี้ไทยยิ่งไม่ต้องเปลืองกระสุน เพราะฝ่ายนั้นเลือกที่จะทำ 'สงครามเศรษฐกิจ' เองทั้งๆ ที่แพ้แน่นอน

หากผู้มีอำนาจในบ้านเมืองเรา (ซึ่งเก่งเรื่องเงินๆ ทองๆ) ฉลาดพอ ก็ควรรู้จะจัดการกับสงครามนี้อย่างไร
ป.ล.
ไหนๆ ก็เอ่ยถึงชาวเน็ตจีนแล้ว ช่วงนี้ผมสังเกตการณ์แพตฟอร์มจีนบ่อยๆ เรื่องเกี่ยวกับไทยกัมพูชา ชาวเน็ตจีนมีทัศนะที่น่าสนใจพอสมควรในฐานะ "คนกลาง" ดังนั้น ผมจะขอปิดท้ายด้วยความเห็นนี้ ที่ว่า

"ฮุน เซนจงใจสละแพทองธารเพื่อปูทางให้กับฮุน มาเนต ลูกชายของเขา ตั้งแต่ฮุน มาเนตเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็มีข่าวลือในกัมพูชามากมาย ตัวอย่างเช่น เขาได้รับทุนจากกองทัพไทยเพื่อไปเรียนที่โรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ของสหรัฐฯ และบางคนสงสัยว่าเขาคือ 'แพทองธาร' อีกตัวอย่างหนึ่ง ตอนนี้ที่ทุกคนเชื่อมั่นในประชาธิปไตยมากขึ้น หลายคนดูถูกฮุน มาเนตที่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีโดย "พึ่งพาพ่อ" แน่นอนว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของฮุน มาเนตคือเขาไม่สามารถบริหารเศรษฐกิจได้ดี เขา "ต้องการทั้งสองอย่าง" เขาต้องการเกาะติดกับสหรัฐฯ และเขาคิดว่าเงินหยวนของจีนน่าดึงดูด แต่ถ้าคุณไม่ระมัดระวัง ก็ง่ายที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายพอใจ ตัวอย่างเช่น ในแง่หนึ่ง เมื่อทรัมป์ใช้ 'ภาษีศุลกากรแบบตอบแทน' กัมพูชาได้รับผลกระทบมากที่สุด สูงถึง 49% ในทางกลับกัน จีนลดการลงทุนในกัมพูชา ซึ่งอยู่ที่ 66% เมื่อปีที่แล้ว และลดลง 16.2% เมื่อปีที่แล้ว เหลือเพียง 49.8% ในสามข้อสงสัยหลักนี้ 'แพทองธาร' จัดการได้ง่ายที่สุด ดังนั้น ฮุน เซน จึงยิ้มเยาะอย่างดูถูก แล้วไงถ้าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน? พี่น้องก็ถูกทรยศได้เช่นกัน! ตราบใดที่ฮุน มาเนต ลูกชายของเขายังคงบ่นถึงการสูญเสียทหารกัมพูชาในความขัดแย้งที่ชายแดน และชูธงชาตินิยมต่อไป เขาก็สามารถเป็นฮีโร่ของกัมพูชาต่อ (การคุกคามโดยไทย) และเอาชนะใจประชาชนได้ ตอนนี้ที่แพทองธารถูกพักงานแล้ว ฮุน เซน และลูกชายของเขาได้รับชัยชนะเบื้องต้น"

บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better

Photo -ภาพนี้ถ่ายและเผยแพร่เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2025 โดย Agence Kampuchea Presse (AKP) ขณะที่ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการเยือนกองทัพกัมพูชาที่ประจำการอยู่ตามแนวชายแดนกับประเทศไทยในจังหวัดอุดรมีชัย เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2025 (ภาพถ่ายโดย POOL / AFP)

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Better

"บิ๊กอ้วน" มท.1 สั่งชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกจับ "บ่อนพนันกลางเมือง" ใกล้รถไฟฟ้าสะพานใหญ่

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“สายใยรักสองแผ่นดิน” เปิดตัวอลังการ ฉลอง 50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน เดินหน้าฉายต่อจีน-สิงคโปร์

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เกาะติดพลังงานใกล้ชิดน้ำมัน-ก๊าซฯ สำรองเพียงพอ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"แพทองธาร" แจงชัด ไม่เคยคืนวัตถุโบราณกัมพูชา เตรียมเอาผิดคนปล่อยข่าวปลอม

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

‘ซานตง’ เรือบรรทุกเครื่องบินจีน เยือนฮ่องกง ประชาชนคึกคัก!! แห่ชมแน่นอ่าววิกตอเรีย

THE STATES TIMES

สุดอึ้ง! “หม่อง”ยอมรับเกณฑ์เด็กนับร้อยเป็นทหารในกองทัพ

สยามรัฐ

ฉากเด็ดของ "เมียตัวเอง" หนุ่มตามเทรนด์ย้อนอดีตผ่าน Google Maps เจอเซอร์ไพรส์ใจพัง!

sanook.com

รัสเซียเผยได้อาวุธนาโตถล่มเคียฟ หลังอดีตทหารยูเครนแปรพักตร์มอบให้

THE STATES TIMES

จีนเก็บภาษีบรั่นดีอียูสูงสุด 34.9% ตอบโต้มาตรการทุ่มตลาด

เดลินิวส์

ญี่ปุ่นเริ่มอพยพปชช.หมู่บ้านโทชิมะ หลังเจอแผ่นดินไหวกว่า 1,000 ครั้ง

Xinhua

เตือน 4 ของในครัว ระวังเป็น “คลัง” สารอะฟลาทอกซิน ก่อมะเร็งเงียบๆ ตับพังไม่ทันตั้งตัว!

sanook.com

กู้ภัยอิเหนาระดมค้นหา 30 ผู้โดยสารเรือเฟอร์รีที่ยังสูญหาย

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...