ชำแหละ 3 บิ๊กโปรเจ็กต์คมนาคม 3.06 แสนล้าน ชะงัก ลุ้น ครม.ใหม่
“กระทรวงคมนาคม” 1 ในหน่วยงานที่สำคัญของรัฐอันดับต้นๆที่รับการจัดสรรงบประมาณในแต่ละปีหลายแสนล้านบาทเพื่อผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านคมนาคมทั้ง 4 มิติ ประกอบด้วย การขนส่งทางถนน การขนส่งทางน้ำ การขนส่งทางราง และการขนส่งทางอากาศ กลับพบว่ามีหลายโครงการขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมที่ยังค้างท่อรอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโดยเร็ว อีกทั้งบางโครงการต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาเดินหน้าอีกครั้ง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี นับแต่วันที่ศาลสั่งนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ 1 กรกฎาคม 2568 และคณะรัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ โดยมีมติ 6 :3 นั้น
โดยศาลรัฐธรรมนูญ ระบุถึงสาเหตุการวินิจฉัยในครั้งนี้ว่า เนื่องจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง นางสาวแพทองธาร และสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
จากกรณีดังกล่าวเป็นที่น่าจับตาว่าจากการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะเดินหน้าต่อหรือต้องพับแผนลง เนื่องจากตามกระบวนการการขออนุมัติโครงการขนาดใหญ่ต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ
แต่ปัจจุบันครม.ชุดดังกล่าวได้ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พ้นออกจากตำแหน่งหน้าที่ ทำให้ครม.ในชุดปัจจุบันทำได้เพียงแค่ครม.รักษาการที่ไม่สามารถอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ได้ ซึ่งจะต้องจนกว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่และครม.ชุดใหม่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนชุดเดิมถึงจะสามารถเดินหน้าได้ตามปกติ
“ฐานเศรษฐกิจ” ได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า โครงการขนาดใหญ่ที่ค้างท่อของกระทรวงคมนาคมไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ เนื่องจากต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาสานต่อ จำนวน 3 โครงการ วงเงินรวม 306,383 ล้านบาท ประกอบด้วย นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งตามแผนเดิมจะประกาศใช้ได้ทุกสีทุกสายภายในกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังจากมีผู้ลงทะเบียนทะลุกว่า 2.5 แสนรายแล้ว โดยจะใช้เงินจากรายได้รฟม.มาอุดหนุนเพื่อชดเชยรายได้ในช่วง 2 ปีแรก ประมาณ 8,000 ล้านบาทต่อปี
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะกระทบต่อนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายหรือไม่นั้น ปัจจุบันร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการระบบตั๋วร่วมพ.ศ. …,ร่าง พ.ร.บ.รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 และร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางรางฯ ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 3 แล้ว จากนั้นจะส่งไปยังวุฒิสภาพิจารณาต่อไป
“ถึงแม้ว่าร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับผ่านความเห็นชอบจากสภาฯแล้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ว่าเห็นด้วยพร้อมดำเนินการต่อหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังดำเนินการตามปกติ” แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าว
ขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. วงเงิน 224,544 ล้านบาท ที่มีบริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด (ซีพี) เป็นผู้รับสัมปทานระยะเวลา 50 ปี นั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยอัยการสูงสุดได้ตอบกลับร่างแก้ไขสัญญาโครงการดังกล่าวมาที่ รฟท.แล้ว
ทั้งนี้จากการตรวจร่างสัญญาฯของอัยการสูงสุดพบว่า พบว่าในรายละเอียดของร่างสัญญาส่วนใหญ่มากกว่า 95% ทางอัยการเห็นด้วยและไม่ได้มีการปรับแก้ไขร่างสัญญา โดยคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รับทราบถึงความเห็นอัยการแล้ว
อย่างไรก็ดีตามขั้นตอนเดิมรฟท.จะหารือร่วมกับเอกชนถึงข้อสังเกตของอัยการสูงสุดอีกครั้ง โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนกันยายนนี้ ก่อนรายงานไปยังสกพอ.และคณะกรรมกำกับสัญญาฯ พิจารณา จากนั้นจะเสนอต่อคณะกรรมการกพอ.(บอร์ดอีอีซี) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป คาดว่าจะเร่งรัดลงนามสัญญาให้ได้ภายในปีนี้
ปิดท้ายโครงการบ้านเพื่อคนไทย มูลค่ารวมประมาณ 4,685 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าเช่าพื้นที่จาก รฟท.ประมาณ 100 ล้านบาท ค่าลงทุนช่วงเตรียมโครงการประมาณ 260.9 ล้านบาท ค่าก่อสร้างประมาณ 3,459 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายระหว่างดำเนินโครงการประมาณ 864 ล้านบาท
ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้กำหนดวันจับสลากคัดเลือกผู้ลงทะเบียนโครงการบ้านเพื่อคนไทย ในช่วงบ่ายของวันที่ 18 กันยายน 2568 ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จากข้อมูลจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พบว่า มีผู้ลงทะเบียนในโครงการบ้านเพื่อคนที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้น มีจำนวนทั้งสิ้น 126,000 ราย อีกทั้งในปัจจุบันยังมีการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนโครงการในจังหวัดเชียงใหม่ ระยะที่ 2 อีกเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา
สำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทยนำร่องพื้นที่ 4 แปลงบนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประกอบด้วย พื้นที่บางซื่อกม.11 เนื้อที่ 8,000 ตารางเมตร จัดเป็นที่พักอาศัยได้ประมาณ 1,300 หน่วย พื้นที่รอบสถานีรถไฟธนบุรี (ศิริราช) กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ประมาณ 35,061 ตารางเมตร จัดเป็นพื้นที่ที่พักได้ประมาณ 2,100 หน่วย พื้นที่รอบสถานีรถไฟจังหวัดเชียงใหม่ สามารถจัดเป็นพื้นที่พักอาศัยได้ประมาณ 574 หน่วย พื้นที่รอบสถานีรถไฟเชียงราก จังหวัดปทุมธานี สามารถจัดเป็นพื้นที่พักอาศัยได้ประมาณ 210 หน่วย
อย่างไรก็ดีคงต้องรอดูว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในปีนี้จะเป็นพรรคเพื่อไทยที่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อหรือไม่ หากเป็นพรรคอื่นๆเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเชื่อว่าโครงการต่างๆที่เคยผลักดันไว้อาจไปไม่ถึงฝัน
เมกะโปรเจ็กต์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,128 วันที่ 4 - 6 กันยายน พ.ศ. 2568