พ่อเกาหลี ร้องช่วยลูกชาย ถูกแก๊งคอลกักขัง บังคับตุ๋นที่ชลบุรี ตร.รุดช่วยถล่มรัง ผงะ อุปกรณ์เพียบ
ตำรวจท่องเที่ยว ทลายแก๊งคอลเช็นเตอร์ เกาหลี-จีน โหด!! บังคับคนเกาหลีทำงาน โชคดีตำรวจช่วยทัน บุกค้นรังเจออุปกรณ์หลอกเหยื่อเพียบ
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(ผบช.ทท.) เปิดเผยว่า พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ ผกก.2 บก.ทท.1 ,พ.ต.ท.ต่อลาภ ตินะมาตร สวญ.ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา,.พ.ต.ต.สมชนก ชัยประเสริฐสกุล สว.สืบฯ กก.2ฯ ร่วมกับ ตม.ชลบุรี เข้าช่วยเหลือชาวเกาหลีใต้ที่ถูกบังคับทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีให้ทำการช่วยเหลือชาวเกาหลีดังกล่าว
โดยเมื่อ 21 มิ.ย. 68 ตรวจพบบ้านพักพูลวิลล่าในเมืองพัทยาใช้กักขังแรงงานต่างชาติ ช่วยเหลือชาวเกาหลีจำนวนมาก ยึดคอมพิวเตอร์-มือถือกว่า 50 เครื่อง ควบคุมตัวชายเกาหลี 20 ราย และชายจีน 1 ราย พร้อมหลักฐานการหลอกลงทุนและข้อความลักษณะโรแมนซ์สแกม มูลค่าความเสียหายกว่า 12 ล้านบาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ช่วยเหลือ นายอัน อายุ 31 ปี ชาวเกาหลีที่ถูกบังคับทำงานและทำร้ายร่างกายจากบ้านพักใน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ ได้อย่างปลอดภัย และวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านพักและออฟฟิศในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ.บางละมุง พบผู้ต้องสงสัย 8 ราย สารภาพทำคอลเซ็นเตอร์ผิดกฎหมาย พร้อมตรวจยึดโน้ตบุ๊ก 14 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 4 เครื่อง และโทรศัพท์มือถือ 15 เครื่อง จึงนำตัวผู้ต้องหาส่ง ตม.ชลบุรี พิจารณาเพิกถอนวีซ่า และนำของกลางส่ง สภ.ห้วยใหญ่ ดำเนินคดี
พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(ผบช.ทท.) กล่าวว่า สำหรับการปฏิบัติการดังกล่าว นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบนโยบายที่ให้ตำรวจท่องเที่ยวอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว เป็นสำคัญนั้น ซึ่งการปฎิบัติการครั้งนี้ได้รับคำชื่นชมจาก สำนักงานตำรวจสากลกรุงโซล โดย Ms. Jung Su-on รอง ผอ.ตำรวจสากล เดินทางมามอบหนังสือขอบคุณอย่างเป็นทางการแก่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำหรับการดำเนินการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีดังกล่าว ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา ร่วมกับ งานสืบสวน กก.2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สถานทูตเกาหลี ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 3 ชลบุรี และ ตำรวจอินเตอร์โพล ร่วมกันบูรณาการสืบสวนขยายผล จนทราบว่ายังมีกลุ่มบุคคลสัญชาติเกาหลีและจีนประมาณ 20 คน แอบลักลอบทำงานคอลเซนเตอร์ และพักอาศัยอยู่ใน หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงนำกำลังไปตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าพบเพียง “ร่องรอย” เป็นแหล่งที่ที่พักอาศัยเท่านั้น
จากนั้นไปตรวจสอบ อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ต้องสงสัยหลังที่ 2 ห่างจากจุดที่ผู้เสียหายหลบหนีออกมาประมาณ 2 กม. เป็นอาคารพาณิชย์ติดฟิล์มทึบ ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ด้านบนติดป้าย รถเช่าพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบ พบว่าชั้น 1 และชั้น 2 ถูกจัดเป็นห้องทำงาน กลุ่มคนจีนและเกาหลีกำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตำรวจทั้งชั้น 1 และ ชั้น 2 ตำรวจ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมโดยสามารถยึดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะได้จำนวน 17 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 15 เครื่อง และ กล่องเราต์เตอร์อินเตอร์เน็ต
นอกจากนี้จากการตรวจสอบบ้านทั้ง 2 หลัง ตำรวจสามารถควบคุมตัว ชายเกาหลี 6 คน หญิงเกาหลี 1 คน และชายจีน 1 คน รวมทั้งหมด 8 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 21 – 36 ปี
จากการสอบถามทั้งหมดให้การยอมรับว่าทำงานคอลเซนเตอร์ จากนั้นได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมรายงานสืบสวน ส่ง ตม.ชลบุรี เพื่อดำเนินการเพิกถอนวีซ่าและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนของกลางทั้งหมดทำการตรวจยึด ส่ง พงส.สภ.ห้วยใหญ่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โดยการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก วันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา เวลา 02.00 น. พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ ผกก.2 บก.ทท.1 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ต่อลาภ ตินะมาตร สวญ.ส.ทท.4 กก.บก.ทท.1. และ ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้รับการประสานจาก สถานกงสุลตำรวจประจำสถานทูตเกาหลี ประจำประเทศไทย ว่ามี พ่อชาวเกาหลี ร้องขอให้ช่วยเหลือลูกชาย นายอัน อายุ 31 ปี ชาวเกาหลี ถูกบังคับให้ทำงานและถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ และกำลังจะถูกส่งตัวไปยังสถานที่ใหม่ที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าอยู่ที่ไหน
ต่อมา ตำรวจท่องเที่ยว มีการลงพื้นที่หาข่าว จนทราบข้อมูลว่า นายอัน อายุ 31 ปี ชาวเกาหลี ผู้เสียหาย ได้หลบหนีออกมาจากรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วไปซ่อนตัวอยู่บริเวณ ซอยชุมชนชายทะเล หมู่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ตำรวจท่องเที่ยวจึงร่วมกับงานสืบสวน กก.2 และ เจ้าหน้าที่สถานทูตเกาหลี ลงพื้นที่ตรวจสอบ จนไปพบตัวผู้เสียหาย เข้าไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ขอซ่อนตัวอยู่ในห้องแถว จนสามารถเข้าช่วยเหลือได้สำเร็จ +ซึ่งผู้เสียหายอยู่ในสภาพร่างกายบอบช้ำ มีบาดแผลเต็มตัว ศีรษะมีแผลแตก ลำคอมีร่องรอยการถูกรัด ด้วยวัตถุบางอย่าง ตำรวจจึงนำตัวส่งโรงพยาบาล +
โดยผู้เสียหายให้ข้อมูลในเบื้องต้นว่า ถูกหลอกมาทำงานในประเทศไทย และให้ทำงานเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พอตนเองไม่ทำก็จะถูกทำร้ายอย่างทารุณ สุดท้ายทนไม่ไหว จึงหาวิธีหลบหนีออกมา และแอบติดต่อไปหาพ่อ ที่ประเทศเกาหลี เพื่อประสานทางการไทยเข้ามาทำการช่วยเหลือ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบและจับกุมดังกล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พ่อเกาหลี ร้องช่วยลูกชาย ถูกแก๊งคอลกักขัง บังคับตุ๋นที่ชลบุรี ตร.รุดช่วยถล่มรัง ผงะ อุปกรณ์เพียบ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th