Sustainable Growth สไตล์ ‘สราวุฒิ อยู่วิทยา’ ธุรกิจไม่เน้นเพียงโตเร็ว
Sustainability เป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจไทยต้องทำในตอนนี้ และต้องทำต่อไปเพราะกฎการค้าโลกเปลี่ยนไปทุกวัน ซึ่งแต่ละองค์กรธุรกิจก็จะมี Sustainable Growth ที่แตกต่างกันออกไป วันนี้ #SPRiNG จะพามาดูควันหลงงาน “TCP Sustainability Forum 2025” ปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “Sustainable Growth: The Future of Growth” ที่จัดโดยกลุ่มธุรกิจ TCP นำทัพโดยแม่ทัพใหญ่อย่าง ‘สราวุฒิ อยู่วิทยา’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP ที่ได้ฉายภาพความยั่งยืนในหลากหลายมิติ
ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจ TCP ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่..จะเน้นเรื่องการ คิดใหม่ เพื่อการเติบโตที่ ดีขึ้น และยั่งยืนจริง ในท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนความมั่นคงของระบบนิเวศ และการสร้างความเสมอภาคทางสังคม ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตที่สร้างคุณค่าในระยะยาวให้กับทั้งธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง
โดยกลุ่มธุรกิจ TCP เชื่อเสมอว่า ‘Sustainable Growth’ เพียงเป้าหมาย แต่…มันคือหนทางที่จะพาให้ธุรกิจก้าวข้ามวิกฤต อีกทั้งยังเป็นรากฐานของการเติบโตที่ยั่งยืนแท้จริง โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา TCP ได้ลงมือทำจริงในการบูรณาการแนวคิดความยั่งยืนเข้ากับทุกมิติของธุรกิจ ตั้งแต่ห่วงโซ่อุปทานไปจนถึงผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการทรัพยากร เนื่องจากวิกฤตโลกร้อนบนโลกใบนี้ยังไม่มีทางออก อีกทั้งความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ทวีความรุนแรง นอกจากนี้แรงงานทั่วโลกที่เสี่ยงถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ภาคธุรกิจทุกขนาดไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ก็เริ่มหันมาโฟกัสการเปลี่ยนผ่านจากการเติบโตรูปแบบเดิมไปเป็นการเติบโตที่สร้างคุณค่าและความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง สำหรับกลุ่ม TCP จะเดินหน้าขับเคลื่อนตามแนวคิด“การเติบโตที่ยั่งยืน” (Sustainable Growth) ผ่าน 3 แกนหลัก ดังนี้
1.การขยายการเติบโตอย่างหลากหลาย (Growth Diversification) ผ่านการศึกษาและวิเคราะห์แนวโน้มการตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
2.การยกระดับประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน (Operational Efficiency & Competitive Excellence) ด้วยการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาเสริมทั้งกระบวนการดำเนินธุรกิจและการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน
3.การสร้างรากฐานเพื่ออนาคต (Future-Ready Foundation) ด้วยการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและฝังแนวคิด ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) เพื่อทำให้ความยั่งยืนเป็นแนวคิดหลักในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และเป็นรากฐานของการเติบโตในระยะยาว
ไม่เพียงเท่านี้ TCP จะให้ความสำคัญกับการขยายขอบเขตการทำงานด้านความยั่งยืน จากเดิมที่เน้นเรื่องการใช้ทรัพยากรภายในองค์กร เช่น น้ำและคาร์บอน ปัจจุบันได้ขยายไปสู่การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมภายนอก โดยมีโปรเจกต์นำร่องที่สำคัญคือการฟื้นฟูป่าชายเลนในพื้นที่สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นป่าชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพ โดยคาดหวังว่าจะสามารถสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้ และนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับชุมชนในอนาคต
พร้อมกันนี้ยังได้วางแผนเชิงรุกในหลายมิติ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ โดยมีการผสานAI เข้ามาใช้ในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งในระดับพนักงานที่ใช้ AI ช่วยงานประจำวัน ส่วนในระดับองค์กรที่กำลังพัฒนาโปรเจกต์ขนาดใหญ่เพื่อนำ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากหลายช่องทาง เพื่อให้การตัดสินใจทางธุรกิจมีความแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ผู้บริหารคนเก่ง บอกต่อว่า ความท้าทายที่สำคัญที่สุดในอนาคตคือการทำให้ธุรกิจเติบโตโดยไม่กระทบต่อความยั่งยืน รวมถึงการปรับตัวให้ทันกับกฎระเบียบและนโยบายใหม่ๆ ที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังบังคับใช้อย่างรวดเร็ว และมองว่าความสำเร็จในธุรกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับยอดขายหรือกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งภายในองค์กร และความสามารถในการปรับตัวเพื่อเติบโตไปพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและก้าวไปข้างหน้าในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งหมด คือ Sustainable Growth สไตล์‘สราวุฒิ อยู่วิทยา’ ที่มองว่าธุรกิจไม่เน้นเพียงโตเร็ว แต่ต้องมองเรื่องการเติบโตในมิติอื่นๆด้วย รวมถึงการเหลื่อมล้ำด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง