อินเดียเตรียมรับแรงกระแทก หลังภาษีทรัมป์ 50% มีผลแล้ว!
อินเดียกำลังเตรียมรับมือกับผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากวันที่ 27 ส.ค. ได้ครบกำหนดเส้นตายที่อัตราภาษีศุลกากร 50% ต่ออินเดียของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จะมีผลบังคับใช้
หลังจากภาษีมีผล จะทำให้อินเดียเป็นประเทศที่ถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงที่สุดในโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับหนึ่งในคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของสหรัฐฯ และส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น
ทรัมป์เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า มาตรการขึ้นภาษีรอบล่าสุดต่ออินเดียมีจุดประสงค์เพื่อลงโทษอินเดียที่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียและช่วยเหลือรัสเซียในการสนับสนุนเงินทุนในการทำสงครามกับยูเครน
อย่างไรก็ดี บริษัทอเมริกันและผู้บริโภคในระยะหลังนี้กำลังเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นอันเป็นผลมาจากนโยบายขึ้นภาษีของทรัมป์ ขณะที่สภาพตลาดแรงงานกำลังย่ำแย่ลง ซึ่งการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียอาจทำให้ผลกระทบทั้งสองแย่ลงไปอีก
เมื่อต้นเดือน อินเดียส่งสัญญาณว่า จะตอบโต้มาตรการภาษีของทรัมป์ โดยกล่าวหารัฐบาลทรัมป์ว่าลงโทษอินเดียอย่างไม่เป็นธรรม โดยชี้ให้เห็นว่า ประเทศอื่น ๆ ที่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียไม่ได้ถูกเรียกเก็บภาษีเช่นนี้ ยกตัวอย่างเช่น จีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันจากรัสเซียรายใหญ่ที่สุด แต่สินค้าของอินเดียกลับถูกเรียกเก็บภาษีขั้นต่ำ 30%
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้เตือนว่าประเทศอื่น ๆ ที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซียอาจเผชิญกับภาษีที่สูงขึ้นในเร็ว ๆ นี้
การขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐฯ และอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่เป็นผลมาจากที่ทั้งสองประเทศเพิ่มปริมาณการนำเข้าสินค้าจากกันและกันเกือบ 2 เท่า
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า ปีที่แล้ว สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากอินเดียมูลค่า 8.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.8 ล้านล้านบาท) เทียบกับสินค้าอเมริกันที่ส่งออกไปยังอินเดียประมาณ 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.36 ล้านล้านบาท)
เช่นเดียวกับภาษีเฉพาะประเทศเกือบทั้งหมดที่ทรัมป์ประกาศใช้ ภาษีนำเข้าเฉพาะภาคส่วนต่าง ๆ เช่น ภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 50% รวมถึงภาษีนำเข้าอื่น ๆ ที่เขาขู่ไว้ จะไม่ถูกจัดเก็บ ซึ่งหมายความว่า ผลิตภัณฑ์เหล็กและอะลูมิเนียมจากอินเดียจะเผชิญกับภาษี 50% แทนที่จะเป็นภาษีนำเข้า 100% รวมกัน
สินค้าส่งออกหลักของสหรัฐฯ ไปยังอินเดีย ได้แก่ น้ำมันและก๊าซ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อวกาศ และส่วนประกอบ อุตสาหกรรมเหล่านี้อาจเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุด หากอินเดียตัดสินใจเรียกเก็บภาษีตอบโต้สินค้าของสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน สินค้าหลักที่สหรัฐฯ ได้รับจากอินเดียเมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ ยา อุปกรณ์สื่อสาร เช่น สมาร์ตโฟน และเครื่องแต่งกาย
ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียประเมินว่าภาษีศุลกากรดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกมูลค่า 4.82 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.56 หมื่นล้านบาท) เจ้าหน้าที่เตือนว่า อัตราภาษีศุลกากรใหม่นี้อาจทำให้การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ขาดความยั่งยืนทางการค้า ส่งผลให้เกิดการสูญเสียงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
Global Trade Research Initiative ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยในนิวเดลี คาดการณ์ว่าภาคส่วนที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น สิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องหนัง อาหาร และรถยนต์ จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด
อาเจย์ ศรีวาสตาวา ผู้ก่อตั้งสถาบันวิจัยดังกล่าว และอดีตเจ้าหน้าที่ด้านการค้าของอินเดีย กล่าวว่า “ระบบภาษีศุลกากรใหม่นี้เป็นการโจมตีเชิงกลยุทธ์ที่คุกคามการหายไปของอินเดีย ซึ่งมีบทบาทยาวนานในสหรัฐฯ ทำให้เกิดการว่างงานในศูนย์กลางการส่งออก และทำให้บทบาทของอินเดียในห่วงโซ่คุณค่าอุตสาหกรรมอ่อนแอลง”
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ได้ยกเว้นภาษีเพิ่มเติมสำหรับบางภาคส่วน เช่น ยาและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสมาร์ตโฟน ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับอินเดียได้บ้าง เนื่องจากอินเดียมีความเสี่ยงในภาคส่วนเหล่านี้อย่างมาก
ด้าน ปูรัน ดาวาร์ ผู้ส่งออกรองเท้าหนังในเมืองอัครา ทางตอนเหนือของอินเดีย กล่าวว่า อุตสาหกรรมนี้จะได้รับผลกระทบอย่างหนักในระยะใกล้ เว้นแต่ความต้องการภายในประเทศจะแข็งแกร่งขึ้น และตลาดต่างประเทศอื่น ๆ จะซื้อสินค้าอินเดียมากขึ้น
ดาวาร์ ซึ่งมีหนึ่งนูกค้าสำคัญคือ Zara ผู้ค้าปลีกแฟชั่นรายใหญ่ในสหรัฐฯ กล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องน่าตกใจอย่างยิ่ง” และเสริมว่า สหรัฐฯ ควรเข้าใจว่า ภาษีศุลกากรที่สูงลิ่วจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคของตนเอง
ขณะที่กลุ่มตัวแทนผู้ส่งออกเตือนว่า ภาษีนำเข้าใหม่อาจส่งผลกระทบต่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของอินเดียที่ต้องพึ่งพาตลาดอเมริกาอย่างมาก
อเจย์ ซาไฮ ผู้อำนวยการใหญ่สหพันธ์องค์กรส่งออกแห่งอินเดีย กล่าวว่า “มันเป็นสถานการณ์ที่ยุ่งยาก บางสายผลิตภัณฑ์อาจไม่สามารถดำเนินกิจการได้ในชั่วข้ามคืน”
อินเดียและสหรัฐฯ ได้จัดการเจรจาข้อตกลงการค้าทวิภาคีมาแล้ว 5 รอบ แต่ยังไม่บรรลุข้อตกลง ส่วนใหญ่เป็นเพราะอินเดียไม่ยอมเปิดโอกาสธุรกิจในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมนมให้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ โดยอ้างถึงความกังวลที่อาจส่งผลกระทบต่องานของชาวอินเดียหลายล้านคน
ทางฝั่งนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี เอง ประกาศว่าจะไม่ยอมแพ้ต่อแรงกดดันจากทรัมป์ “สำหรับผม ผลประโยชน์ของเกษตรกร ธุรกิจขนาดเล็ก และธุรกิจนมคือสิ่งสำคัญที่สุด รัฐบาลของผมจะทำให้มั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่ได้รับผลกระทบ”
เขากล่าวว่า โลกกำลังเผชิญกับ “การเมืองที่เห็นแก่ตัวทางเศรษฐกิจ”
รัฐบาลอินเดียได้เริ่มดำเนินการปฏิรูปเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและปกป้องเศรษฐกิจ โดยเปลี่ยนแปลงภาษีสินค้าและบริการ หรือภาษีการบริโภค เพื่อลดต้นทุนประกันภัย รถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
สภารัฐบาลเองจะประชุมกันในต้นเดือน ก.ย. เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษี ขณะที่กระทรวงการค้าและกระทรวงการคลังกำลังหารือเกี่ยวกับแรงจูงใจทางการเงิน ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารที่เอื้ออำนวยต่อผู้ส่งออก
กระทรวงการค้ากำลังพิจารณาขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อขยายการส่งออกไปยังภูมิภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในละตินอเมริกา แอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเจรจาการค้าที่กำลังดำเนินอยู่กับสหภาพยุโรปอาจมีความเร่งด่วนมากขึ้น เนื่องจากอินเดียกำลังพยายามลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ
เรียบเรียงจาก Associated Press / CNN
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปักหมุด “วิสดอม วิลเลจ” ชลบุรี จัดTomorrowland คาดสร้างรายได้ 1.2 หมื่นล้าน
ครม. ไฟเขียวร่างประกาศ “ห้ามนำเข้ารถยนต์ใช้แล้ว” เปิดทางเฉพาะรถโบราณ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : อินเดียเตรียมรับแรงกระแทก หลังภาษีทรัมป์ 50% มีผลแล้ว!
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com