สีหน้าประหม่าตอนสัมภาษณ์งาน อาจทำคุณพลาดงานในฝัน รู้วิธีแก้ไข!
หนึ่งในสิ่งที่ค่อนข้างยากสำหรับเด็กจบใหม่และชาว First Jobber คงหนีไม่พ้น "การสัมภาษณ์งานให้ได้งาน" หลายคนทุ่มเทไปกับการเตรียมตัวสัมภาษณ์งานอย่างหนัก ซึ่งมักหมายถึงการซ้อมคำพูด ซ้อมตอบคำถามยอดฮิต ฝึกทักษะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง และศึกษาข้อมูลของบริษัท (ว่าที่นายจ้าง) ให้พร้อม
แต่รู้หรือไม่? แม้ว่าจะเตรียมซ้อมคำตอบมาดีแค่ไหน ก็ยังมีสิ่งเล็กๆ ที่อาจทำให้คุณพลาดโอกาสได้งานในฝัน นั่นคือ “สีหน้า” ของคุณเอง
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพและภาษากายจาก Kickresume เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่า สีหน้าบางอย่างสามารถส่งสัญญาณผิดพลาด ทำให้คุณดูประหม่า ขาดความมั่นใจ หรือดูไม่เหมาะกับตำแหน่งที่คุณกรอกใบสมัครงานไป ทั้งที่คุณอาจมีคุณสมบัติครบถ้วน
เนื่องจากการตัดสินใจรับพนักงานใหม่เข้าทำงานของหลายๆ บริษัท มักไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดหรือการตอบคำถามสัมภาษณ์ที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึง “ภาษากายและสีหน้า” ที่สื่อออกมาแบบไม่รู้ตัวด้วย ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สีหน้าที่บ่งบอกถึงความประหม่า อาจทำให้ผู้สัมภาษณ์มองว่าผู้สมัครขาดความอบอุ่น ขาดความกระตือรือร้น และไม่เหมาะสมกับบทบาท ซึ่งเป็นปัจจัยที่นายจ้างให้ความสำคัญอย่างมาก
First jobber ต้องรู้! สีหน้าแบบไหน อาจทำให้สัมภาษณ์งานพัง!
การสร้างความประทับใจแรกเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที ซึ่งสีหน้าและภาษากาย ก็มักจะส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้สัมภาษณ์ ก่อนที่ผู้สมัครจะได้พูดอะไรจริงจังด้วยซ้ำ
ตามรายงานของ Kickresume ระบุว่า ผู้สมัครที่ถูกมองว่ามีความกังวล มักทำผลงานได้แย่กว่า เนื่องจากความกังวลจะไปลดทอนความอบอุ่นและพลังบวก ที่มักจะแสดงออกมาผ่านสีหน้าท่าทาง โดยเฉพาะ “ไมโครเอ็กซ์เพรสชัน” (micro-expressions) หรือการเคลื่อนไหวเล็กๆ บนใบหน้าที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เช่น
1. ขมวดคิ้ว
2. เม้มปากแน่น
3. กะพริบตาหรือกระตุกใบหน้าซ้ำๆ
สิ่งเหล่านี้อาจถูกตีความในแง่ลบโดยผู้สัมภาษณ์ นอกจากนี้ยังมี การเลี่ยงหลบไม่สบตา การไม่ยิ้ม และท่าทางที่ปิดกั้น (closed posture) ฯลฯ เหล่านี้ก็ถูกจัดเป็นภาษากายที่ทำลายความน่าเชื่อถือเช่นกัน ตามข้อมูลจากศูนย์อาชีพของมหาวิทยาลัย University of North Texas
เปิดเทคนิคฝึกควบคุมสีหน้า วอร์มใบหน้า ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้สมัครซ้อมตอบคำถาม วางแผนและฝึกซ้อมตั้งแต่ขั้นตอนการเดินเข้า-ออกห้องสัมภาษณ์ และใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การฝึกสติ (mindfulness) หรือการฝึกหายใจ เพื่อลดความตึงเครียดบนใบหน้า ทั้งนี้ มีเคล็ดลับเพิ่มเติมที่ลองนำไปฝึกฝนเองง่ายๆ ได้แก่
1. ซ้อมหน้ากระจกเพื่อดูสีหน้าตอนพัก (resting face)
2. วอร์มกล้ามเนื้อใบหน้าก่อนสัมภาษณ์
3. ควบคุมการหายใจ เพื่อให้กล้ามเนื้อใบหน้าผ่อนคลาย
4. ลดการขยับเขยื้อนร่างกายที่แสดงความฟุ้งซ่านมากไป
5. รักษาการสบตากับคู่สนทนา และใช้ท่าทางที่เป็นธรรมชาติ
ผู้เชี่ยวชาญยังบอกด้วยว่า “การแสดงออกทางสีหน้าเล็กน้อย” เพื่อแสดงความสนใจ แสดงความกระตือรอร้น สามารถช่วยให้คุณดูน่าเชื่อถือและเข้าถึงง่ายขึ้น แต่หากสีหน้าเต็มไปด้วยความเครียด หน้าตึง หรือแสดงถึงการไม่สนใจ ก็จะกลายเป็นผลลบแทนทันที
ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วย บริษัทเองก็ควรระวังการตีความเกินจริง
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นตรงกันว่าเรื่องสีหน้าท่าทาง คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสัมภาษณ์ โดย อเล็กซ์ บีน (Alex Beene) อาจารย์สาขาด้านการเงินที่มหาวิทยาลัย University of Tennessee at Martin ให้ความเห็นกับ Newsweek ว่า “เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าสีหน้าแบบไหนคือ ‘เหมาะสมที่สุด’ เพราะผู้จัดการฝ่ายบุคคลแต่ละคน มีเกณฑ์การตีความภาษากายแตกต่างกัน
สิ่งที่ควรโฟกัสจริงๆ คือการแยกให้ออกระหว่าง ‘สีหน้าที่เป็นกลาง’ กับ ‘สีหน้าที่ดูไม่สนใจ’
ขณะที่ ไบรอัน ดริสโคลล์ (Bryan Driscoll) ที่ปรึกษาด้าน HR ให้ความเห็นกับ Newsweek ว่า “ภาษากายสำคัญก็จริง แต่ถ้าบริษัทไม่จ้างคุณเพียงเพราะสีหน้าชั่วขณะหนึ่ง นั่นอาจเป็นการสื่อถึงวัฒนธรรมการทำงานที่เป็นพิษก็ได้ ผู้สมัครควรโฟกัสที่การเป็นตัวของตัวเอง แสดงความสนใจและความจริงใจต่องานตำแหน่งนั้นๆ ไม่ใช่พยายามแสดงสวมบทบาทมากเกินไปจนเหมือนหุ่นยนต์”
แม้ผู้เชี่ยวชาญจะย้ำว่าผู้สมัครควรตระหนักถึงสีหน้าของตัวเอง แต่บริษัทเองก็ควรใช้ความระมัดระวังในการตีความ เพราะสีหน้าที่ดูประหม่า อาจเป็นเพียงอาการตื่นเต้น หรือแม้แต่เกี่ยวข้องกับความพิการบางอย่าง ซึ่งไม่สามารถตัดสินความสามารถหรือศักยภาพของคนๆ นั้นได้
ที่ปรึกษาด้าน HR ทิ้งท้ายว่า สีหน้าเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนยากที่จะห้ามในการแสดงออก ทั้งนี้การแสดงออกบางอย่างอาจเป็นแค่ความประหม่าหรือภาวะส่วนตัวชั่วคราวเท่านั้น จริงๆสิ่งที่น่ากังวลกว่านั้น ไม่ใช่สีหน้าของผู้สมัคร แต่คือกระบวนการสรรหาที่มักเหมารวมลักษณะนิสัยเข้ากับศักยภาพในการทำงานต่างหาก
อ้างอิง: Newsweek, Kickresume