จีน-อินเดียมุ่งรักษาเสถียรภาพสายสัมพันธ์สองชาติ
× กรุณาติดต่อทีมงานเพื่อดาวน์โหลดคลิป
นิวเดลี, 19 ส.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันจันทร์ (18 ส.ค.) จีนและอินเดียเห็นพ้องจะรักษาเสถียรภาพของความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยฉันทามติดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการหารือระหว่างหวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน กับสุพราหมัณยัม ไจชันการ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ณ กรุงนิวเดลีของอินเดีย
หวัง ซึ่งเป็นกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวว่าสถานการณ์โลกวันนี้กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การกลั่นแกล้งรังแกอยู่ฝ่ายเดียวขยายตัวต่อเนื่อง การค้าเสรีและระเบียบระหว่างประเทศเผชิญความท้าทายร้ายแรง โดยมนุษยชาติได้เดินทางถึงทางแยกสำคัญที่กำหนดทิศทางอนาคตของโลก
จีนและอินเดียในฐานะสองประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ที่สุดด้วยประชากรรวมกันกว่า 2,800 ล้านคน ควรแสดงความรับผิดชอบในระดับโลก ทำหน้าที่มหาอำนาจ เป็นแบบอย่างแก่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในการแสวงหาความแข็งแกร่งผ่านความเป็นหนึ่งเดียวกัน และมีส่วนส่งเสริมการสร้างโลกหลายขั้วและความเป็นประชาธิปไตยในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการตามฉันทามติที่ผู้นำของสองประเทศบรรลุร่วมกัน ทยอยฟื้นฟูการแลกเปลี่ยนและเจรจาทุกระดับ ธำรงรักษาสันติภาพและความสงบสุขในพื้นที่ชายแดน และช่วยให้ผู้แสวงบุญชาวอินเดียกลับมาเดินทางแสวงบุญที่ภูเขาและทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ในเขตปกครองตนเองทิเบต (ซีจ้าง) ของจีน
ความสัมพันธ์จีน-อินเดียกำลังแสดงแนวโน้มเชิงบวกสู่การกลับมาร่วมมือกัน โดยทั้งสองฝ่ายสามารถเรียนรู้บทเรียนจากอดีตและควรมีการรับรู้เชิงยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง มองแต่ละฝ่ายเป็นหุ้นส่วนและโอกาสมากกว่าคู่แข่งหรือภัยคุกคาม และลงทุนทรัพยากรอันมีค่าในการพัฒนาและฟื้นฟูประเทศ ขณะปีนี้ตรงกับวาระครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-อินเดีย
ทั้งสองประเทศควรแสวงหาวิถีทางที่ถูกต้องในการที่ประเทศเพื่อนบ้านขนาดใหญ่จะดำรงอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน มุ่งมั่นพัฒนาร่วมกัน และบรรลุความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์
จีนยินดีจะยึดถือหลักการสัมพันธไมตรี ความจริงใจ ผลประโยชน์ร่วมกัน และความครอบคลุม พร้อมทำงานร่วมกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงอินเดีย เพื่อร่วมสร้างบ้านที่สงบสุข ปลอดภัย เจริญรุ่งเรือง สวยงาม และเป็นมิตร
ทั้งนี้ จีนและอินเดียควรรักษาความเชื่อมั่น ก้าวไปในทิศทางเดียวกัน ขจัดอุปสรรค ขยายความร่วมมือ และเสริมสร้างเสถียรภาพของความสัมพันธ์ทวิภาคี เพื่อกระบวนการฟื้นฟูของสองอารยธรรมตะวันออกอันยิ่งใหญ่จะเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน นำสู่การเกิดความมั่นคงแน่นอนและเสถียรภาพในเอเชียและโลกโดยรวม
ด้านไจชันการ์กล่าวว่าความสัมพันธ์ทวิภาคีภายใต้การชี้นำร่วมกันของผู้นำสองประเทศได้ขยับขึ้นจากจุดต่ำสุดและมีพัฒนาการอันดีอย่างต่อเนื่อง ขณะการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทุกด้านระหว่างสองฝ่ายกำลังก้าวสู่ภาวะปกติ
ไจชันการ์ขอบคุณจีนที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้แสวงบุญชาวอินเดียที่เดินทางแสวงบุญ ณ ภูเขาและทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ในเขตปกครองตนเองทิเบตของจีน พร้อมเสริมว่าการรับรู้เชิงยุทธศาสตร์ที่ดีขึ้นมีความสำคัญมาก ซึ่งอินเดียและจีนในฐานะสองประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ที่สุดควรยึดถือหลักพหุภาคีและมุ่งส่งเสริมโลกหลายขั้วที่เป็นธรรมและสมดุล
อินเดียและจีนควรรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลกร่วมกันด้วย ขณะความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มั่นคง ร่วมมือกัน และมองไปข้างหน้านั้นเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ พร้อมยืนยันว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
อินเดียยินดีจะใช้วาระครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอินเดีย-จีน เป็นโอกาสกระชับความไว้วางใจทางการเมืองซึ่งกันและกัน เสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าที่เป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน เพิ่มการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน และร่วมรักษาสันติภาพและความสงบสุขในพื้นที่ชายแดน
นอกจากนั้นอินเดียสนับสนุนจีนอย่างเต็มที่ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ณ นครเทียนจิน และยินดีจะเสริมสร้างการประสานงานและความร่วมมือกับจีนในกลไกพหุภาคีอย่างกลุ่มบริกส์ (BRICS)
อนึ่ง ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประเด็นระหว่างประเทศและภูมิภาคที่มีความกังวลสนใจร่วมกันระหว่างการหารือครั้งนี้ด้วย