พ.ร.บ.โซลาร์ ฉุดรายได้ 5 แสนล้าน สำนักงบฯ – กฤษฎีกา จี้ชดเชยรายได้
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพลังงาน เสนอ และให้ส่งร่างกฎหมายไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณา
เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. … เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาในชั้นสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อ สคก.ตรวจพิจารณาร่าง พ.ร.บ. เสร็จแล้ว จะส่งกลับไปให้ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง โดย สคก.จะเปิดรับฟังความคิดเห็น ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไปจนถึงวันที่ 20 ส.ค.2568
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า แม้ว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบในหลักการจาก ครม.ไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่หน่วยงานราชการหลายหน่วยงานได้มีความเห็นประกอบการพิจารณาของ ครม.โดยเฉพาะมี 2 หน่วยงานราชการได้แสดงความเป็นห่วงในประเด็นที่กฎหมายฉบับนี้จะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้กว่า 4.9 แสนล้านบาท ซึ่งขอให้มีการจัดทำแผนหารายได้ชดเชยภายหลังกฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้ในอนาคต
โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เสนอความเห็นว่าแม้ว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวที่มุ่งส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อันจะเป็นการลดต้นทุนด้านพลังงานแก่ประชาชน และผู้ประกอบการ ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศในภาพรวม อย่างไรก็ตามข้อมูลการวิเคราะห์รายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบต่องบประมาณนั้น กระทรวงพลังงาน ประเมินรายได้ที่ภาครัฐต้องสูญเสียถึง 4.9 แสนล้านบาท ซึ่งกระทบต่องบประมาณของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้นจึงสมควรรับฟังความคิดเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณประกอบการพิจารณาด้วยว่าจะมีแนวทางในการหารายได้อื่นมาชดเชยรายได้ส่วนที่ขาดไปตามประมาณการของกระทรวงพลังงานอย่างไร เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อการจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดทำบริการสาธารณะอย่างอื่นของรัฐ และเป็นการดำเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการที่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคต จึงต้องมีการจัดทำแผนบริหารจัดการกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการ ประมาณการรายจ่าย แหล่งเงินที่ใช้ตลอดระยะเวลาดำเนินการ และประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อเสนอ ครม.พร้อมกับการขออนุมัติเรื่องดังกล่าวด้วยตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561
สอดคล้องกับความเห็นของสำนักงบประมาณที่ได้ให้ความเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. … มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการส่งเสริมการใช้ไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์ โดยให้การติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ใช้ในที่อยู่อาศัย หรือสถานประกอบกิจการ หรือในสถานที่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานประกาศกำหนดสามารถกระทำได้ไม่ต้องขออนุญาตกับหน่วยงานของรัฐ แต่เจ้าของสถานที่ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนด
รวมทั้งให้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการจำหน่ายหรือให้ใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากสถานที่ติดตั้ง และการกำกับติดตามอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และซากอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์
ทั้งนี้ เมื่อกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้จะส่งผลให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 4.9 แสนล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการเก็บค่าบริการขนานเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ขนาดกำลังติดตั้งน้อยกว่า 1,000 กิโลโวลต์แอมแปร์) ในการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายประมาณ 3 แสนล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายประมาณ 1.8 แสนล้านบาทต่อปี (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
อย่างไรก็ตาม จะสามารถช่วยให้ภาคประชาชน และภาคธุรกิจสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าจากการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่สะดวก และรวดเร็วมากขึ้นด้วยการลดขั้นตอนทางกฎหมาย และลดภาระค่าใช้จ่ายในการติดต่อหน่วยงานต่างๆ ในเรื่องการขออนุญาต นอกจากนี้ยังส่งผลให้ประเทศไทยลดการนำเข้า และพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากต่างประเทศเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เห็นสมควรที่กระทรวงพลังงานจะรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างละเอียดรอบคอบ และครอบคลุมทุกด้าน ตลอดจนพิจารณาการสูญเสียรายได้ และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ตามนัยมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 เพื่อให้สามารถส่งเสริม และสนับสนุนการผลิต และใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย และสถานประกอบการ รวมถึงกำกับดูแลการติดตั้ง และการใช้ไฟฟ้าให้ถูกต้อง และมีมาตรฐานด้านความปลอดภัย และวิศวกรรมซึ่งจะสามารถบรรเทาผลกระทบจากราคาค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประเทศ และเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศไทยไปสู่พลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ
พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์