อลเวง! นาโต้เร่งหารือรายละเอียดแผนค้ำประกันความมั่นคงเคียฟ ที่ ‘ทรัมป์’ระบุตกลงไว้กับ‘ปูติน’แล้ว แต่‘รัสเซีย’กลับรีบค้านแหลก ย้ำต้องไม่มี‘กองทหารต่างชาติ’เข้ายูเครน
(เก็บความจาก https://asiatimes.com/2025/08/nato-virtual-meeting-for-ukrainian-security-guarantees-backfires/)
NATO virtual meeting for Ukrainian security guarantees backfires
by Stephen Bryen
22/08/2025
หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุคุยตกลงกับ วลาดิมีร์ ปูติน แล้วที่จะให้ฝ่ายตะวันตกดูแลเรื่องค้ำประกันความมั่นคงของเคียฟ ขุนทหารของชาติสมาชิกนาโต้ก็เร่งประชุมด่วน หารือรายละเอียดเรื่องนี้ ซึ่งรวมไปถึงเรื่องการส่งกองทหารรักษาสันติภาพเข้าไปที่ประเทศนั้น ทว่ารัสเซียรีบออกมาคัดค้านหัวชนฝา บอกยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิงที่จะให้มีกองทหารต่างชาติเข้าไปประจำการในยูเครน
คณะบริหารทรัมป์ได้ทำความผิดพลาดทางการเมืองอย่างชนิดขาดการไตร่ตรองครั้งมโหฬารเสียแล้ว เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา ในการเดินหน้ามุ่งหาทางทำให้เกิดข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครนของพวกเขา ความผิดพลาดมหึมาจากการขาดความยั้งคิดคราวนี้ มีศูนย์กลางอยู่ที่การจัดประชุมหารือ “แบบเสมือนจริง” ที่นำโดยองค์การนาโต้
ก่อนหน้าการประชุมดังกล่าวนี้ ทรัมป์ได้ให้สัญญากับฝ่ายรัสเซียเอาไว้ว่า ข้อตกลงใดๆ ก็ตามทีที่เกิดขึ้นมา จะต้องปฏิเสธไม่ให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกของนาโต้ ดูเหมือนฝ่ายรัสเซียตีความต่อไปด้วยว่า การรับประกันเช่นนี้ของทรัมป์ครอบคลุมถึงเรื่องที่ว่าจะต้องไม่มีการจัดตั้งกองกำลังรักษาสันติภาพของนาโต้ขึ้นมาด้วย ทว่านั่นคือความผิดพลาด
คณะบริหารทรัมป์ไม่ได้มีการปรึกษาหารือกับฝ่ายรัสเซียแต่อย่างใด ก่อนหน้าการวางเดิมพันเล่นพนันครั้งใหญ่ของนาโต้คราวนี้
การประชุมทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่นำโดยนาโต้ครั้งนี้ มีความตั้งใจที่จะกำหนดจัดวางหนทางเลือกทางการทหารต่างๆ ที่อาจเป็นไปได้ เพื่อตอบสนองคำขอของยูเครนที่ต้องการให้มีการรับประกันความมั่นคงของตนเองในรูปแบบอื่นๆ ในเมื่อถูกกีดกันไม่ให้เข้าเป็นสมาชิกของนาโต้แล้ว ตามรายงานข่าวที่ออกมา การประชุมคราวนี้ดูเหมือนเป็นการถกเถียงพิจารณาความคิดเห็นที่มีแตกต่างกันหลากหลาย ในเรื่องที่ว่าการค้ำประกันความมั่นคงนี้จริงๆ แล้วหมายถึงอะไรกันแน่ ตัวอย่างเช่น มันจะครอบคลุมถึงเรื่องการมีกองทหารรักษาสันติภาพด้วยหรือไม่ ถ้าหากคำตอบคือใช่ กองทหารเหล่านี้จะมีจำนวนเท่าใด ทหารเหล่านี้จะไปตั้งค่ายตั้งฐานกันที่บริเวณไหนของยูเครน และพวกเขาจะสามารถแสดงบทบาทอะไรได้บ้าง
ข่าวคราวที่แพร่กระจายออกมาก็คือว่า มีบางประเทศตกลงใจจะจัดส่งกองทหารไปยังยูเครนกันจริงๆ –มีเวอร์ชั่นหนึ่งระบุว่า ประเทศที่ว่านี้ได้แก่ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ส่วนอีกเวอร์ชั่นหนึ่งบอกว่าได้แก่ สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, และโปแลนด์ (เวอร์ชั่นหลังนี้ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ โดยเฉพาะ 2 ประเทศหลังสุดที่ถูกระบุ) ถึงแม้แหล่งข่าวสหราชอาณาจักรหลายรายยืนยันว่า กองทหารของพวกตนจะไม่ไปประจำอยู่ตรงเส้นแนวหน้า หากแต่จะอยู่ “ข้างหลังห่างไกลออกไป” จากพื้นที่การลงมือปฏิบัติการ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นั้นบอกว่า สหรัฐฯจะไม่ส่งทหารภาคพื้นดินใดๆ เข้าไป แต่จะสนับสนุนการรับประกันความมั่นคงให้แก่ยูเครนด้วยเครื่องบินสหรัฐฯ โดยเรื่องนี้ถูกสันนิษฐานว่าส่วนใหญ่เลยจะได้แก่พวกเครื่องบินสอดแนม (ซึ่งถึงอย่างไร สหรัฐฯก็ได้จัดส่งออกปฏิบัติการเป็นประจำอยู่ก่อนแล้ว) ทว่าทรัมป์ยังคุยโอ่อวดด้วยว่าแสนยานุภาพทางอากาศของสหรัฐฯนั้นเหนือชั้นกว่าของรัสเซีย เป็นการบ่งชี้ว่าการตรวจการณ์สอดแนมทางอากาศของสหรัฐฯนี้จะมีการใช้เครื่องบินขับไล่รุ่นทันสมัยอย่างเช่น F-35 ด้วย คำถามที่ถูกถามต่อเนื่องติดตามมาก็คือ เครื่องบินเหล่านี้จะขึ้นปฏิบัติการจากแผ่นดินยูเครน หรือว่าจากฐานทัพในที่อื่นๆ ตัวอย่างเช่น โปแลนด์ หรือ โรมาเนีย
รายงานข่าวระบุว่า การประชุมเสมือนจริงเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมนี้ มีพวกนายใหญ่ด้านกลาโหมจากประเทศสมาชิกนาโต้ทั้ง 32 ประเทศเข้าร่วม ผู้ที่เป็นประธานการประชุมคือ พลเรือเอกจูเซปเป คาโว ดราโกเน (Giuseppe Cavo Dragone) แห่งกองทัพเรืออิตาลี ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานของคณะกรรมาธิการการทหารของนาโต้ (NATO’s Military Committee)
พลอากาศเอก อเล็กซุส กรีนเควิช (Alexus Grynkewich) แห่งกองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดกองกำลังงพันธมิตรยุโรป (Supreme Allied Commander Europe หรือ SACEUR) และผู้บัญชาการของกองบัญชาการทหารภาคยุโรปของกองทัพสหรัฐฯ (US European Command) คนใหม่หมาดๆ ได้กล่าวบรรยายสรุปครั้งแรกของเขาต่อที่ประชุมเสมือนจริงคราวนี้ ขณะที่ พลเอก แดน เคน (Dan Caine) ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐฯ (US Joint Chiefs of Staff) ก็เข้าร่วมการหารือครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
ปรากฏว่าฝ่ายรัสเซียได้แสดงปฏิกิริยาตอบโต้อย่างฉับไว โดยได้ปฏิเสธไม่ยอมรับเรื่องให้ต่างชาติมีส่วนร่วมในการรับประกันความมั่นคงแก่ยูเครน ทั้งนี้ ขณะที่พูดถึงเรื่องความเป็นไปได้ที่จะยินยอมให้มีการจัดส่งกองทหารต่างประเทศเข้าประจำการบนดินแดนของยูเครน รัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ (Sergey Lavrov) ของรัสเซีย กล่าวว่า มอสโกมีความเห็นต่อเรื่องนี้เสมอมาว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ [1] “และผมคาดหวังว่าพวกเขาจะเข้าอกเขาใจว่าเรื่องนี้จะไม่ได้รับการยอมรับอย่างสิ้นเชิงจากทางรัสเซีย ตลอดจนจากกลุ่มพลังทางการเมืองที่มีเหตุมีผลทั้งหมดทั้งสิ้นในยุโรป” ลาฟรอฟ บอก เขากล่าวต่อไปด้วยว่า ข้อเสนอเช่นนี้ [2] คือ “หนทางที่จะไม่มีทางประสบความสำเร็จ”
เป็นเรื่องลำบากที่จะสืบสาวให้แน่ใจว่า อะไรที่ทำให้คณะบริหารทรัมป์ถึงกับเชื่อว่าฝ่ายรัสเซียจะยอมรับให้พวกรัฐสมาชิกนาโต้ดำเนินการสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้แก่ยูเครนในลักษณะเช่นว่านี้ การที่สหรัฐฯเข้ามีส่วนร่วมในระดับสูงมากๆ ภายใต้ร่มธงขององค์การนาโต้ จึงกำลังก่อให้เกิดเครื่องกีดขวางสำคัญที่สกัดกั้นไม่ให้เกิดข้อตกลงเรื่องยูเครนขึ้นมาได้
นอกจากนี้แล้ว ยังกำลังมีอุปสรรคใหม่ๆ ปรากฏขึ้นมาให้เห็น ซึ่งขัดขวางการทำข้อตกลงสันติภาพใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการที่ยูเครนต้องยอมสละดินแดนดอนบาส (Donbas) ทั้งหมดหรือไม่ก็บางส่วน โดยหนังสือพิมพ์วอชิงตันไทมส์ (Washington Times) ที่มีแนวทางอนุรักษนิยม รายงานข่าวเอาไว้ในหน้าแรก [3] เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา (ในฉบับหนังสือพิมพ์) มีเนื้อหาเสนอแนะว่าข้อตกลงใดๆ ในลักษณะซึ่งให้ยูเครนยอมสละดอนบาสอย่างนี้ เป็นสิ่งที่อันตรายมาก “ความจริงที่น่าเกลียดน่าชังซึ่งซ่อนอยู่เบื้องหลังของข้อตกลงใดๆ ก็ตามที่จะเป็นการยอมสละดินแดนจำนวนหนึ่งของภูมิภาคดอนบาสของยูเครน ]4] ให้แก่มอสโก ก็คือว่ามันสามารถที่จะกลายเป็นการเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่กองทัพรัสเซียได้ในทันที เป็นการมอบชัยชนะครั้งสำคัญให้แก่หนึ่งในบรรดาศัตรูชั้นนำของอเมริกาในยุคสมัยของการแข่งขันชิงชัยกันระหว่างมหาอำนาจยิ่งใหญ่
“ในฉากทัศน์เช่นว่านี้ ยูเครน [5] จะต้องสูญเสียพวกที่มั่นเพื่อการป้องกันตัว ซึ่งมีการจัดทำจัดสร้างแนวป้อมปราการเอาไว้อย่างแข็งแรงที่สุดของตนบางแห่งไป พวกนายพลของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย จะต้องหาทางเพิ่มพูนการปรากฎตัวและกิจกรรมของพวกเขาในยุทธบริเวณทรงความสำคัญยิ่งยวดทางยุทธศาสตร์นี้อย่างหยั่งรากลงลึกยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการจัดตั้งฐานทัพทางทหารแห่งใหม่ๆ โดยที่กองทัพเรือรัสเซียก็จะสามารถเพิ่มการควบคุมเหนือทะgลดำได้อย่างมหาศาล รัฐบาลรัสเซียและกองกำลังติดอาวุธของพวกเขาจะสามารถเข้าถือครองกรรมสิทธิ์โดยพฤตินัยเหนือแร่ธาตุสำคัญๆ ที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินในยูเครนตะวันออก [6] ”
รายงานข่าวชิ้นนี้ของวอชิงตันไทมส์ ยังเดินเรื่องต่อด้วยการอ้างอิงทัศนะความคิดเห็นของประดาหน่วยงานคลังสมองจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็รวมไปถึง สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (Institute for the Study of War) [7] ที่เป็นธิงค์แทงค์ที่ถูกระบุว่าในบางครั้งบางคราวก็แสดงจุดยืนที่ฝักใฝ่เข้าข้างยูเครนอย่างแรงกล้า
ขณะที่กระบวนการทางการทูตกำลังเดินหน้ากันอยู่ ปัญหาต่างๆ ที่กำลังกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางแผนการริเริ่มเพื่อสันติภาพในยูเครนของทรัมป์ ก็กำลังเพิ่มทวีขึ้นเช่นเดียวกัน
สตีเฟน ไบรเอน เป็นผู้สื่อข่าวพิเศษของเอเชียไทมส์ และเป็นอดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหมฝ่ายนโยบายของสหรัฐฯ ข้อเขียนชิ้นนี้ทีแรกสุดปรากฏอยู่บนจดหมายข่าว Weapons and Strategy ในแพลตฟอร์ม Substack ของเขา
เชิงอรรถ
[1] https://tass.com/politics/2005727
[2] https://www.reuters.com/world/europe/russia-says-talks-ukraines-security-without-moscow-are-road-nowhere-2025-08-20/
[3] https://www.washingtontimes.com/news/2025/aug/20/land-peace-means-new-russian-military-bases-donbas-strengthened-war/
[4] https://www.washingtontimes.com/topics/ukraine/
[5] https://www.washingtontimes.com/topics/ukraine/
[6] https://www.washingtontimes.com/topics/ukraine/
[7] https://understandingwar.org/
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO