ไม่ติด! ใครนั่งนายกฯ เร่งเคลียร์ชัดสัปดาห์นี้ หวั่นสุญญากาศการเมือง
นายกรัฐมนตรีไทย 2025 คือใคร ?
การเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในสัปดาห์นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญการเมืองไทย ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล แต่ยังมีผลต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ความชัดเจนในการบริหารประเทศจะกำหนดทิศทางนโยบายสำคัญ การลงทุน และความเชื่อมั่นของนักลงทุน หากเกิดสุญญากาศทางการเมือง อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดและภาคธุรกิจทันที
"วิจิตร อารยะพิศิษฐ" นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า การเมืองในประเทศที่ค่อนข้างเข้มข้นอย่างมากในช่วงต้นเดือนกันยายน 2568 หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้คุณแพรทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ต้องรีบโหวตนายกใหม่ในช่วงต้นเดือนนี้
โดยต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของ สส.ปัจจุบันที่ 492 เสียง คือ 247 เสียง ดังนั้นตัวแปรสำคัญจะอยู่ที่พรรคประชาชนซึ่งมี 143 เสียงว่าจะโหวตให้ขั้วไหนระหว่าง "เพื่อไทย VS ภูมิใจไทย"
ล่าสุด นาย วันนอร์ คาดสภาพร้อมโหวดเลือกนายกใหม่วันที่ 4-5 ก.ย.นี้ แต่หากพรรคประชาชนไม่สนับสนุนทั้งสองขั้วอาจทำให้เกิดการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่
"สิ่งที่ต้องรอดูคือการฟอร์มทีมว่าใครจะมาเป็นนายกฯคนใหม่และทีมรัฐบาลใหม่จะมีออกมาแบบไหน เนื่องด้วยตอนนี้แบ่งออกเป็น 2 ขั้วชัดเจน ต้องรอดูว่าพรรคประชาชนจะสนับสนุนขั้วไหน เพื่อเลือกตั้งในช่วงต้นปี 2569 หากเกิดขึ้นจริงตามแผน"
ถามว่า..มาตรการที่อยากให้รัฐบาลชั่วคราวเร่งดำเนินการทันทีคืออะไร ?
เรื่องมาตรการในรูปแบบเสียงค่อนข้างน้อยพอสมควรเพราะแตก 2 ขั้วแบบนี้อาจจะดำเนินการยากพอสมควร เพียงแต่สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นแน่นอนว่า การสานต่อนโยบายที่ดำเนินการก่อนหน้านี้หากสามารถสานต่อได้ย่อมเป็นเรื่องที่ดี อาทิ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย, มาตรการแก้หนี้ที่ต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นปัญหาที่แก้ไขในระยะเวลาอันสั้นได้ยากแต่ก็ต้องทำ
อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศที่ต้องดีกว่าเดิม เพราะตนมองว่าเที่ยวไทยฟื้นตัวค่อนข้างช้า มาตรการเที่ยวคนละครึ่งอาจไม่ได้หนุนมากนักอาจเพราะที่ผ่านมามีวันหยุดค่อนข้างเยอะทำให้ประชาชนท่องเที่ยวต่อเนื่อง ที่สำคัญแพคเกจราคาอาจไม่ดึงดูดมากนัก และผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการไม่มากเท่าในอดีตจึงส่งผลให้โครงการดังกล่าวค่อนข้างเงียบ
อย่างไรก็ดี ส่วนตัวอยากให้การจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดและได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ ไม่มีการยืดเยื้อเหมือนในอดีต ไม่อยากให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง เพราะจะกดดันภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมและตลาดหุ้นไทยไม่ไปไหน ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนเดือนกันยายนนี้คาดดัชนีแกว่งในกรอบ 1,200 - 1,280 จุด
"นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยอาจต้องรอภาพการเมืองชัดเจน เราต้องตั้งธงใหม่ เพราะรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาเพื่อซื้อเวลาเลือกตั้งใหม่ปีหน้า ตลาดไม่ได้ต้องการนโยบายอะไร ดังนั้นจังหวะย่อตั้งรับไป ต่อรองราคาได้ เน้นหุ้นกำไรดี มีปันผล"