NIA เปิดงานมหกรรมนวัตกรรม และเครือข่ายสตาร์ตอัป ‘SITE 2025’
4 ก.ค.2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดงาน Startup x Innovation Thailand Expo 2025 หรือ SITE 2025 ภายใต้แนวคิด “Global Innovation Partnership – AI & Sustainability : The Next Era of Innovation”
เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านนวัตกรรมในระดับภูมิภาค โดยมุ่งส่งเสริมการเชื่อมต่อสตาร์ตอัปไทยกับเครือข่ายนานาชาติในเชิงยุทธศาสตร์
โดยมี ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผอ.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA และเอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆ อาทิ เยอรมนี ชิลี เข้าร่วม บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศรวมกว่า 350 แห่งมาจัดแสดงผลงานด้านสตาร์ตอัปและนวัตกรรมเต็มพื้นที่กว่า 7,000 ตารางเมตร
นายประเสริฐ กล่าวในพิธีเปิดว่า งาน SITE 2025 คือมหกรรมนวัตกรรมและเครือข่ายสตาร์ตอัปไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นงานที่ได้รวบรวมสุดยอดความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมล้ำสมัยจากผู้ประกอบการ และพลังขับเคลื่อนจากสตาร์ตอัปทั่วประเทศมาไว้ในที่เดียว
นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการประกาศศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางแห่งนวัตกรรม
ที่สำคัญวันนี้คำว่า นวัตกรรม ไม่ใช่แค่คำศัพท์สวยหรูอีกต่อไป แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะพาเราไปสู่อนาคต ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ พัฒนาอุตสาหกรรม และแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนในสังคม
และแน่นอนว่าหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมเหล่านี้ คือสตาร์ตอัปและผู้ประกอบการนวัตกรรม ที่เป็นผู้กล้าที่พร้อมจะก้าวออกจากกรอบเดิมๆ กล้าที่จะฝันใหญ่ และกล้าที่จะลงมือทำ กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่จะมาพลิกโฉมอุตสาหกรรมและสร้างแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างก้าวกระโดด ไปจนถึงขับเคลื่อนกลไกเศรษฐกิจเพื่ออนาคต
รัฐบาลไทยให้ความสำคัญและมีนโยบายที่ชัดเจนและมุ่งมั่นในการส่งเสริมนวัตกรรมและสตาร์ตอัป เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล
โดยมีนโยบายและแนวทางที่สำคัญ คือประเทศไทยต้องเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมและยกระดับประเทศไทยให้เป็น "Innovation Nation" และเป็น"ศูนย์กลางนวัตกรรมในภูมิภาค" ที่สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติและเป็นแหล่งรวมของสตาร์ตอัปที่มีศักยภาพ
รัฐบาลจะผลักดันกลุ่มเทคโนโลยีเป้าหมาย (High-Growth Technology Sectors) และสนับสนุนกลุ่มเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูง ได้แก่ AI เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลาง AI และ ความยั่งยืน (Sustainability) ในเอเชีย
โดยมีการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกในการสร้าง Data Center ในประเทศไทย เพื่อรองรับการเติบโตของ AI ทั้งเรื่องของเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน
รวมถึงเทคโนโลยีสีเขียว (Green Tech) เทคโนโลยีสะอาด (Clean Tech) และเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Tech) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ
ที่สำคัญรัฐบาลได้ดำเนินการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของสตาร์ตอัป โดยเฉพาะพระราชบัญญัติส่งเสริมธุรกิจสตาร์ตอัป ที่จะมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ คาดหวังว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียน การระดมทุน และการขอรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ
เพื่อดึงดูดสตาร์ตอัปและนักลงทุนจากทั่วโลก ตลอดจนการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทันสมัยและครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, IoT และ Big Data
“รัฐบาลเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย เชื่อมั่นในความคิดสร้างสรรค์ เชื่อมั่นในพลังขับเคลื่อนนวัตกรรม และผมเชื่อมั่นว่างาน SITE 2025 จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ สร้างโอกาสทางธุรกิจ
และเสริมสร้างศักยภาพด้านนวัตกรรมของประเทศไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับโลก รวมทั้งจะช่วยตอกย้ำให้ทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่แข็งแกร่งในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม” รมว.ดิจิทัล กล่าว
ด้านดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า NIA ในฐานะผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม (Focal Conductor) มุ่งขับเคลื่อนและยกระดับนวัตกรรมของประเทศไทย ภายใต้แนวคิด 4G ได้แก่ Groom, Grant, Growth และ Global
เพื่อบ่มเพาะ สนับสนุน และผลักดันนวัตกรรมไทยสู่สากล โดยเฉพาะการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศที่ช่วยให้สตาร์ตอัปไทยมีเวทีในการเติบโตและแข่งขันในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ภายในงานตลอด 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 4 – 6 ก.ค.นี้ มีกิจกรรมไฮไลต์ที่สำคัญ ได้แก่ การสัมมนากว่า 50 หัวข้อจากวิทยากรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศบน 3 เวที ได้แก่ เวทีหลัก (Main Stage) เวทีระดับโลก(Global Stage) และเวทีแห่งการนำเสนอไอเดีย(Pitch Stage)
รวมถึงนิทรรศการผลงานนวัตกรรมจากผู้ประกอบการกว่า 300 ราย การแข่งขัน Startup Thailand League รอบชิงชนะเลิศ และกิจกรรม 100 Startup Pitching ที่เปิดโอกาสให้สตาร์ตอัปได้แสดงศักยภาพในเทคโนโลยีมาแรง อาทิ AI, Deep Tech และนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน
นอกจากนี้ NIA ยังเปิดตัวข้อมูลอัปเดตของ Startup Universe 2025 ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเชิงลึกของระบบนิเวศสตาร์ตอัปไทย เปิดตัว Acceleration Program เพื่อสนับสนุนการเติบโตและการขยายตลาดต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม เป็นต้น.