'สหรัฐ-เวียดนาม' บรรลุดีลการค้า อาจช่วยบรรเทาความกังวล 'ยูนิโคล่'
สหรัฐประกาศลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม คาดว่าอาจบรรเทาปัญหาทางธุรกิจให้กับ “ยูนิโคล่” แบรนเสื้อผ้าลำลองที่พึ่งพาตลาดจากเวียดนามเป็นส่วนใหญ่ได้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศเมื่อวันพุธ (2 ก.ค.) ว่าจะลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม จาก 46% เหลือ 20% แต่ด้านทางการเวียดนามยังไม่ยืนยันว่าได้ตกลงอัตราภาษีไว้เท่าไหร่
Fast Retailing บริษัทแม่ของยูนิโคล่ (Uniqlo) มีโรงงานผลิตเสื้อผ้าที่เป็นพันธมิตรอยู่ในเวียดนามถึง 60 แห่งจากทั้งหมด 380 แห่งของบริษัท เนื่องจากอัตราค่าแรงในจีนที่สูงขึ้นส่งผลให้บริษัทจำเป็นต้องกระจายแหล่งผลิตไปยังเวียดนามและประเทศใกล้เคียงอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นทำให้กลยุทธ์นี้กลายเป็นข้อผิดพลาดขึ้นมา
Fast Retailing ได้คาดการไว้ว่า ภาษีศุลกากรตอบโต้ของรัฐบาลทรัมป์จะทำให้กำไรของบริษัทลดลง 2% ถึง 3% ในครึ่งหลังของปีงบประมาณซึ่งจะสิ้นสุดลงในเดือนส.ค. ในกรณีที่อัตราภาษีที่ประกาศออกในเดือนเม.ย.ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และไม่มีการขึ้นราคาสินค้าในสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของข้อตกลงระหว่างสหรัฐและเวียดนามเมื่อวันพุธยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ และผู้ผลิตหลายรายยังคงต้องดิ้นรนเพื่อดำเนินธุรกิจให้เท่าทันนโยบายภาษีของทรัมป์ที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง
โฆษกของ Fast Retailing กล่าวว่าบริษัทกำลัง “รวบรวมข้อมูล” เกี่ยวกับการเจรจาการค้าอยู่ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดเพิ่มเติม
ในส่วนของบริษัทอื่นๆ ที่ได้กระจายฐานการผลิตมายังเวียดนามเช่นเดียวกันกับ Fast Retailing นั้น ตัวแทนจากบริษัทนินเทนโด (Nintendo) ได้กล่าวว่าบริษัทกำลังอยู่ในช่วง “ยืนยันข้อมูลและประเมินผลกระทบ” จากการเจรจาการค้าครั้งนี้ ในขณะที่ผู้บริหารระดับสูงของซัมซุง (Samsung Electronics) ยืนยันว่า บริษัทจะยังคงคำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากแหล่งผลิตทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ด้านแอปเปิ้ล (Apple) มีการผลิต iPad และ AirPods ในเวียดนามบ้างเป็นบางส่วน แต่อัตราการนำเข้าสินค้าจากเวียดนามสู่สหรัฐนั้นไม่ได้สูงทำ ทำให้ UBS Global Wealth Management คาดการว่า อัตราภาษีนำเข้าแทบจะไม่ส่งผลกับกำไรของแอปเปิ้ลเลย
อ้างอิง: Nikkei Asia