โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

เช็กด่วน! 'ศูนย์พักพิงชั่วคราว' 4จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จากกรณีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารไทย -กัมพูชา ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 25 ก.ค.2568 พบว่ามีการปะทะภายในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ และอุบลราชธานี โดยพล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านความมั่นคง กล่าวว่ายอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากฝ่ายไทย ณ วันนี้ ณ เวลา 9.00 วันนี้ เป็นพลเรือน 14 ราย บาดเจ็บสาหัส 7 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 11 ราย รวมทั้งสิ้น 45 ราย

ขณะที่ข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข หรือ EOC ว่านอกจากส่วนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บแล้ว ในส่วนของผู้อพยพมีจำนวนรวมทั้ง 4 จังหวัดชายแดน 131,456 คนแบ่งเป็น

  • อุบลราชธานี 70,886 คน
  • ศรีสะเกษ 11,432 คน
  • สุรินทร์ 27,325 คน
  • บุรีรัมย์ 21,813 คน

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้อพยพผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ออกจาก รพ.ที่อยู่ในรัศมีของการโจมตี รวม 11 แห่งด้วยกัน โดย 4 แห่งในจำนวนนี้ปิดทำการโดยปริยาย โดยบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยในมีการอพยพมาแล้ว

ส่วน กระทรวงศึกษาธิการได้สั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงชั่วคราว จำนวน 751 โรงเรียน พร้อมเยียวยานักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงแจ้งให้สถานศึกษาในพื้นที่เสี่ยง วางแผน และปรับโรงเรียนให้กลายเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อรองรับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน

ขณะที่ กองทัพมีการจัดจิตอาสาพระราชทานดูแลและช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ 4 จังหวัด เพื่อดูแลและช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งตั้งโรงครัวพระราชทาน 7 จุด รถครัวสนาม 8 จุด ประกอบอาหารเพื่อดูแลประชาชนผู้อพยพ จำนวน 15,000 กล่อง/มื้อ รวมทั้งสิ้น 52,000 กล่อง/วัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ตึงเครียดชายแดน! แนะสังเกตอารมณ์ เสพข่าวมีสติ ดูแลสุขภาพใจ ลดเครียด

เช็ก 'ศูนย์พักพิงชั่วคราว' ในพื้นที่เสี่ยงชายแดนไทย-กัมพูชา

น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มีคำสั่งเร่งด่วนให้ทุกมหาวิทยาลัยในสังกัดที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ใกล้เคียงชายแดนไทย-กัมพูชา เปิด "ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยการปะทะชายแดน (อว.เพื่อประชาชน)" เพื่อเป็นหนึ่งในหน่วยงานให้ความช่วยเหลือและเป็นที่พึ่งพิงให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปะทะกันของทหารไทยและกำลังพลกัมพูชา ซึ่งมีจุดเริ่มต้นบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และได้ขยายวงกว้างลุกลามเข้าสู่พื้นที่พลเรือนของฝั่งไทย ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ (อ.กันทรลักษ์), จังหวัดสุรินทร์ (อ.กาบเชิง, อ.พนมดงรัก), จังหวัดบุรีรัมย์ (อ.บ้านกรวด) และจังหวัดอุบลราชธานี (อ.น้ำยืน)

หลังจากการสั่งการของ รมว.อว ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ และมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้ขานรับนโยบายอย่างรวดเร็ว โดยเปิดพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยจัดตั้งเป็น ศูนย์พักพิงชั่วคราว รองรับผู้อพยพที่ต้องละทิ้งบ้านเรือนเพื่อหนีภัยความไม่สงบ

"ขณะนี้มีประชาชนหลั่งไหลเข้ามาขอพักพิงแล้วกว่า 5,000 ชีวิต ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา โดยทางมหาวิทยาลัยได้ระดมสรรพกำลังทั้งบุคลากรและนักศึกษาจิตอาสา จัดเตรียมสิ่งของจำเป็นพื้นฐานอย่างเร่งด่วน ทั้งอาหารปรุงสุก น้ำดื่ม ยารักษาโรค ชุดปฐมพยาบาล และเครื่องใช้ที่จำเป็น เพื่อมอบให้กับผู้อพยพทุกคนอย่างทั่วถึง"

จุดรับบริจาค ช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อน

นอกจากการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่แล้ว กระทรวง อว. โดยศูนย์ปฏิบัติการฯ อว.เพื่อประชาชน ยังได้เป็นศูนย์กลางในการรับบริจาคสิ่งของจากภาคประชาชน เพื่อส่งต่อไปยังผู้ประสบภัยโดยตรง ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยร่วมส่งธารน้ำใจและความช่วยเหลือไปยังผู้ที่กำลังเดือดร้อน

โดยสามารถนำสิ่งของมาบริจาคได้ที่ จุดรับบริจาค: บริเวณชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ถนนโยธี กรุงเทพฯ ทั้งนี้ กระทรวง อว. ยืนยันว่าจะดำเนินการลำเลียงสิ่งของบริจาคทั้งหมดจากพี่น้องประชาชน ส่งตรงไปยังศูนย์พักพิงและผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนโดยเร็วที่สุด เพื่อส่งมอบกำลังใจและความช่วยเหลือให้ถึงมือผู้เดือดร้อนเพื่อแสดงให้เห็นว่า คนไทยไม่ทิ้งกัน

พม.พร้อมลงพื้นที่เยียวยาประชาชน

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ (ศบปภ.) กระทรวง พม. กรณีสถานการณ์การปะทะในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดย ศบปภ. พม.จังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่ามีเหตุปะทะกัน 2 จุดในอำเภอกันทรลักษ์ เบื้องต้นทราบว่า มีผู้เสียชีวิต เป็นพลเรือน 8 ราย ทหาร 1 ราย ผู้บาดเจ็บเป็นพลเรือน 15 ราย ทหาร 2 ราย โดยทีมศบปภ. พม.จังหวัดศรีสะเกษ ได้ส่งหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่เข้าไปดูแลประชาชนพี่น้องกลุ่มเปราะบางที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ซึ่งทางจังหวัดดำเนินการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว จำนวน 136 ศูนย์ รองรับประชาชนได้ จำนวน 80,351 คน

ด้าน ศบปภ. พม.จังหวัดบุรีรัมย์ ได้สั่งอพยพ ประชาชน 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลสายตะกู จันทบเพชร ปราสาท และบ้านกรวด ไปที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวตามแผนอพยพ ขณะที่ ทีม ศบปภ. พม.จังหวัดบุรีรัมย์ ได้จัดทีมดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง และเตรียมสถานรองรับ 24 ชั่วโมง

ทีมศบปภ. พม. จังหวัดสุรินทร์ ได้ส่งหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่เข้าดูแลช่วยเหลือและเยียวยาฟื้นฟูจิตใจประชาชนที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ซึ่งมีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว จำนวน 37 ศูนย์ รองรับประชาชนได้ จำนวน 80,800 คน และยังได้จัดสถานที่เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวให้กับประชาชน

นอกจากนี้ ศบปภ. พม.จังหวัดอุบลราชธานี ได้ให้ทีมเคลื่อนที่เร็วร่วมลงพื้นที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ที่จุดอพยพ อำเภอเดชอุดม โดยในวันนี้ (24 ก.ค. 68) ได้แบ่งทีมเคลื่อนที่เร็วออกเป็น 3 ชุด ประจำจุดหลักของศูนย์อพยพ ซึ่งได้ดำเนินการช่วยเหลือดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ย้ายมาอยู่ที่ศูนย์อพยพ มีบริการรับลงทะเบียนกลุ่มเปราะบาง และบริการรถเข็นวีลแชร์สำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ ซึ่งให้บริการทุกจุดรวม 30 คัน และในวันที่ 25 ก.ค. 68 ทีม ศบปภ. พม. จังหวัดอุบลราชธานี จะลงพื้นที่คัดกรอง และเก็บข้อมูลกลุ่มเปราะบาง ตามแผนงานและพื้นที่รับผิดชอบต่อไป

ขณะที่ ศบปภ. พม.จังหวัดสระแก้ว รายงานว่ายังไม่มีเหตุการณ์รุนแรง แต่ในส่วนของการเตรียมความพร้อมของจังหวัดสระแก้ว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วได้สั่งการให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมและให้ทุกหน่วยงานประสานข้อมูลกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งทีม ศบปภ. พม. จังหวัดสระแก้ว ได้เตรียมพร้อมในกรณีที่ต้องเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและให้ทุกหน่วยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตามทีม ศบปภ. พม.จังหวัดจันทบุรี และทีม ศบปภ. พม.จังหวัดตราด ไม่มีการรายงานสถานการณ์ความรุนแรง และได้ประสานงานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานในจังหวัด กรณีเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด

เปิดศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเด็ก ใน4 จังหวัดชายแดน

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต รวมถึงการปิดโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยง และการอพยพเด็ก ผู้สูงอายุ และประชาชนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวนั้น กสศ. มีความห่วงใยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนด้านภาวะการเรียนรู้และพัฒนาการถดถอย (Learning Loss) เพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว กสศ. จึงร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยอุบลธราชธานี, มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, สภาเด็กและเยาวชนเทศบาลนครอุบลราชธานี, มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ, สภาเด็กและเยาวชนเทศบาลนครศรีสะเกษ, มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์, สภาเด็กและเยาวชนเทศบาลนครสุรินทร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, มูลนิธิปัญญากัลป์ และกลุ่มอาสาสมัครการเรียนรู้ หุ้นส่วนการศึกษา กลุ่มอาจารย์ นักศึกษา เยาวชน ภาคประชาสังคม จัดตั้ง “ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบ” เพื่อเป็นพื้นที่ฟื้นฟูจิตใจและจัดการเรียนรู้ทดแทนให้กับเด็กที่ต้องหยุดเรียน

ดร.ไกรยส กล่าวต่อว่า ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อเด็กฯ แห่งนี้จะเป็นการสร้างพื้นที่ปลอดภัย (Safe Space) สำหรับเด็กและเยาวชนที่ต้องเผชิญภาวะความเครียด ความกลัว ความวิตกกังวลจากเหตุการณ์ โดยเน้นกิจกรรมการเรียนรู้ยืดหยุ่นเพื่อฟื้นฟูเยียวยาจิตใจ ป้องกันภาวะการเรียนรู้ถดถอย ส่งเสริมทักษะชีวิต สร้างความเข้าใจของเด็ก ๆ ต่อสถานการณ์ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยดำเนินงานร่วมกับครูอาสา โรงเรียน มหาวิทยาลัย และหน่วยงานในพื้นที่ นอกจากชั้นเรียนขนาดเล็ก และกิจกรรมสร้างสรรค์ ศูนย์ฯ ยังจัดให้มีการดูแลจิตใจและให้คำปรึกษาเบื้องต้นสำหรับเด็กที่อาจเผชิญกับความกลัว ความเศร้า หรือความไม่มั่นคง พร้อมเชื่อมโยงการช่วยเหลือเพิ่มเติมจากเครือข่ายหากพบปัญหาซับซ้อนในด้านอื่น ๆ

“โดยเฉพาะภาวะเครียดจากเหตุการณ์รุนแรง (Post-traumatic Stress Disorder) หรือ PTSD จากการที่เด็กและเยาวชนจำนวนมากเผชิญกับผลกระทบกระเทือนจิตใจ ส่งผลต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของพวกเขา ที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย และภาวะ PTSD ยังเป็นปัจจัยหนึ่งสามารถทำให้เด็กและเยาวชนมีปัญหาด้านอารมณ์ สังคม และการเรียนรู้ อาจนำไปสู่การหลุดออกจากระบบการศึกษา แม้สถานการณ์ยังไม่แน่นอน แต่เราต้องเร่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยที่เด็ก ๆ ได้เรียน เล่น และรู้สึกมั่นคงต่อเนื่อง”

ขณะนี้ เครือข่ายอาสาสมัครได้ลงพื้นที่สำรวจความต้องการและจำเป็นเร่งด่วนในแต่ละศูนย์อพยพฯ ของทั้ง 4 จังหวัด เช่น สื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์จำเป็นต่าง ๆ และร่วมออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับบริบท เช่น ดนตรีบำบัด กิจกรรมสร้างความเข้าใจสถานการณ์ สร้างความสัมพันธ์ และส่งเสริมจินตนาการ โดยศูนย์ฯ จะตั้งใกล้พื้นที่พักพิงชั่วคราว พร้อมแผนขยายความช่วยเหลือไปยังพื้นที่อื่น ๆ เพื่อไม่ให้เด็กคนใดต้องเสียโอกาสจากความขัดแย้ง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call center กสศ. โทร. 02-079-5475

ดูแลเด็ก ลดความตกใจ ภาวะความเครียด

รศ.ประจวบ จันทร์หมื่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ศูนย์อพยพ 4 จุด ในจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้รับผลกระทบจากกรณีพิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่า หลังเหตุการณ์ในช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม โรงเรียนหลายแห่งต้องปิดอย่างไม่มีกำหนด ส่วนประชาชนจำนวนมากจำเป็นต้องอพยพไปอาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยคาดการณ์ไม่ได้เลยว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งถึงตรงนี้นับว่าทุกคนในพื้นที่ชายแดนล้วนได้รับผลกระทบจากสงคราม โดยเฉพาะถ้าพูดถึงเด็ก ๆ ที่แม้ไม่ได้แสดงออกทางพฤติกรรมให้เห็น

แต่ลึกลงไปในการรับรู้ของเด็กเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ มีโอกาสมากที่จะทิ้งร่องรอยไว้ในความทรงจำระยะยาว ในบางพื้นที่เช่นที่อำเภอโนนคูณ เป็นเรื่องดีที่มีหน่วยงานที่เข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก จึงมีทีมงานเข้าไปดูแลจัดกิจกรรมเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ผ่อนคลาย เช่น วาดภาพหรือเล่นเกมต่าง ๆ ส่วนที่อำเภอกันทรารมย์ ที่มีจำนวนเด็กถึง 111 คน จากคนในศูนย์พักพิงราว 400 คน นอกจากยังต้องการการดูแลช่วยเหลือที่เหมาะสมสำหรับเด็กแล้ว ก็ยังต้องการสิ่งของจำเป็น เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูป สำหรับเด็กเล็กจำนวนมาก

“สิ่งหนึ่งที่บอกได้ว่าเด็กจะเจอแน่ ๆ คือความตกใจ เพราะเหตุการณ์นี้กำลังเปลี่ยนชีวิตประจำวันของเขา ทั้งการนอน การกิน การเล่น หรือการไปโรงเรียน นั่นจะทำให้เกิดความกังวลหรือความเครียดสะสมระดับลึก ซึ่งในวันข้างหน้าอาจกลายเป็นบาดแผลที่จะทิ้งร่องรอยไว้ในความทรงจำระยะยาว ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเด็กตอนนี้ คือการดูแลเอาใจใส่ ซึ่งเครือข่ายคณะทำงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เราคุยกันว่าจะลงพื้นที่ไปหาเด็ก ๆ ไปเล่น ไปพูดคุยกับเขา คือเรามองว่าในภัยพิบัติใดก็ตาม เด็ก ๆ คือผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด จึงจำเป็นมาก ๆ ที่ต้องมีพื้นที่และกิจกรรมเพื่อดูแลฟื้นฟูจิตใจ”

รศ.ประจวบ ย้ำว่า หลังลงพื้นที่ศูนย์อพยพทั้ง 4 แห่ง คณะทำงานจะนำข้อมูลกลับมาเพื่อออกแบบกิจกรรม และวางแผนการดูแลที่ครอบคลุมเด็กในทุกช่วงวัย ทุกสภาวะอาการ และไม่เพียงเด็ก ๆ เท่านั้น หากการรับฟังปัญหาและช่วยอำนวยความสะดวกให้กับครูและโรงเรียนในพื้นที่ก็ถือเป็นความสำคัญเร่งด่วนเช่นกัน โดยเท่าที่คุยกับครูในพื้นที่ ทุกคนต่างกังวลว่าสถานการณ์อาจรุนแรงขึ้น และจะทำให้เด็กกลุ่มนี้ถูกตัดขาดจากการเรียนรู้ หรือบางคนอาจหลุดจากระบบการศึกษาไปเนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

จับตายอดต่างชาติเที่ยวไทย ยังเดินทางหลักแสนคน/วัน หลังเกิดเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘สมศักดิ์’ ฟ้อง ‘ผอ.อนามัยโลก’ กัมพูชา โจมตี รพ. ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

GULF ระดมทีม ‘กัลฟ์อาสา’ ร่วมแพ็คถุงยังชีพ ส่งต่อกำลังใจพี่น้องประชาชนพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ฝนถล่ม! ทหารไทย-กัมพูชา พักรบชั่วคราว กระสุน BM-21 รวม 28 นัด ตก จ.บุรีรัมย์

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

"รู้เท่าทันจิตใจ" กับความเครียดจาก"การเสพข่าวมากเกินไป"

TNN ช่อง16

ข่าวดีคนพิการ! สปสช. ย้ำสิทธิ UCEP เจ็บวิกฤตเข้ารพ.ใกล้บ้าน

กรุงเทพธุรกิจ

ภัยสุขภาพ! เฝ้าระวัง 'โรคติดเชื้อ-ภาวะขาดน้ำ' ซ้ำเติมชาวบ้านชายแดน

กรุงเทพธุรกิจ

สธ. เร่งระดมทีมแพทย์ส่งหน่วยเคลื่อนที่ ช่วยประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชา

PPTV HD 36

เมื่อความถูกต้องไม่ถูกใจ เข้าข่าย "Cognitive Dissonance" ปล่อยไว้ทำร้ายตัวเอง

TNN ช่อง16

สปสช.แนะปชช. ชายแดนไทย-กัมพูชา เจ็บป่วยพบหมอออนไลน์ ฟรี!

กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...