สธ. เร่งระดมทีมแพทย์ส่งหน่วยเคลื่อนที่ ช่วยประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชา
ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์และการดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ข้อมูล ณ เวลา 09.00 น. มีสถานบริการสาธารณสุขใน จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ตราดและสระแก้ว ได้รับผลกระทบเพิ่มเป็น 17 แห่ง โดยโรงพยาบาลปิดให้บริการคงเดิม 7 แห่ง ได้แก่ รพ.น้ำขุ่น รพ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี, รพ.กันทรลักษณ์ รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
สปสช. แจงแนวทางบริการสุขภาพบัตรทอง พร้อมดูแลผู้ป่วยไตชายแดนไทย-กัมพูชา
เกาะติดสถานการณ์เหตุปะทะไทย-กัมพูชา 26 ก.ค. 68 ยังมีเหตุปะทะต่อเนื่อง
รพ.พนมดงรัก รพ.กาบเชิง จ.สุรินทร์, รพ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และเปิดให้บริการเฉพาะฉุกเฉิน 10 แห่ง ได้แก่ รพ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี, รพ.บัวเชด รพ.สังขะ รพ.ปราสาท จ.สุรินทร์, รพ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์, รพ.คลองใหญ่ รพ.บ่อไร่ จ.ตราด, รพ.ตาพระยา รพ.โคกสูง รพ.คลองหาด จ.สระแก้ว โดยมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัยรวมทั้งสิ้น 583 ราย ประชาชนได้รับบาดเจ็บเพิ่ม 2 ราย อาการปานกลาง รวมบาดเจ็บสะสม 35 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 16 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตคงเดิม 13 ราย
นพ.วีรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนที่อพยพมายังศูนย์พักพิง ขณะนี้มีทั้งหมด 315 แห่ง ผู้เข้าพักรวม 93,006 คน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มเปราะบาง 10,586 ราย ประกอบด้วย ผู้พิการ 304 ราย ผู้สูงอายุ 8,114 ราย ผู้ป่วยติดเตียง 238 ราย หญิงตั้งครรภ์ 99 ราย เด็กเล็ก 0-5 ปี 1,591 ราย ผู้ป่วยฟอกไต 93 ราย และ ผู้ป่วยจิตเวช 147 ราย จะมีเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์และสาธารณสุขประจำศูนย์ดูแล และมีทีมปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์ 45 ทีม ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม 165 ทีม ทีมเยียวยาจิตใจในภาวะวิกฤติ 59 ทีม พร้อมรถฉุกเฉินขั้นสูง 171 คัน ออกปฏิบัติงานในพื้นที่ และเช้าวันนี้ รพ.นพรัตราชธานี กรมการแพทย์ ยังได้ส่งรถฟอกไตเคลื่อนที่ 1 คัน และรถโรคหลอดเลือดสมองเคลื่อนที่ 1 คัน ออกเดินทางไปประจำการที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชเดชอุดม จ.อุบลราชธานี เพื่อสนับสนุนการบริการ รวมทั้งมีการประสานบุคลากรจิตอาสาเพื่อเตรียมพร้อมให้การสนับสนุนเพิ่มเติมหากได้รับการร้องขอด้วย