โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

ภัยสุขภาพ! เฝ้าระวัง 'โรคติดเชื้อ-ภาวะขาดน้ำ' ซ้ำเติมชาวบ้านชายแดน

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 19 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เหตุการณ์ปะทะกันระหว่าง ไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดน ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ เช่น โรคติดเชื้อ และ ภาวะขาดน้ำ เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบและปัญหาด้านสุขอนามัยที่อาจเกิดขึ้น

โดยการเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดอาจถูกจำกัดจากสถานการณ์ความไม่สงบ ทำให้ประชาชนมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะขาดน้ำ ขณะเดียวกัน การอยู่รวมกลุ่มกันในพื้นที่ต่างๆ ทั้งการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แออัด, ขาดสุขอนามัย, และการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่จำกัด อาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อได้

ร่างกายของคนเราจะประกอบด้วย “น้ำ” ถึง 60% ของน้ำหนักตัว แต่ในทุกๆ วันร่างกายก็สูญเสียน้ำออกไปมากเช่นกัน ฉะนั้นเราควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อชดเชยน้ำที่เสียไป เพราะหากเราดื่มน้ำไม่มากพอจะส่งผลให้ร่างกายต้องตกอยู่ใน “ภาวะขาดน้ำ” อย่างแน่นอน

“ภาวะร่างกายขาดน้ำ” คืออะไร??

นพ. ธิติวุฒิ หู แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชปฏิบัติทั่วไป ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ อธิบายว่าภาวะขาดน้ำ (Dehydration) คือ ภาวะที่ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าที่ได้รับ จึงมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอจนส่งผลต่อระบบไหลเวียนของเหลวและการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ ไต สมอง ทางเดินอาหาร กล้ามเนื้อ และหากปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำมากเกินไปเป็นเวลานาน อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

อาการเบื้องต้น ของภาวะร่างกายขาดน้ำ

อาการผู้ที่มีภาวะร่างกายขาดน้ำ จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของภาวะ

  • กระหายน้ำ
  • ตาแห้ง ปากแห้ง ผิวแห้ง
  • เหงื่อออกน้อย
  • ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ
  • ท้องผูก
  • มึนงง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
  • อาการที่ขาดน้ำรุนแรงและเป็นอันตราย
  • หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
  • กระหายน้ำอย่างรุนแรง
  • ปัสสาวะน้อยและมีสีเข้ม หรือไม่มีปัสสาวะ
  • อ่อนเพลีย
  • มีไข้
  • หัวใจเต้นแรงและเร็ว หายใจหอบและถี่
  • ช็อก หมดสติ

สาเหตุที่ทำให้คุณเสี่ยงเป็น "ภาวะขาดน้ำ"

“น้ำ” เป็นสิ่งสำคัญต่อร่างกาย เพราะเป็นส่วนประกอบหลักในระบบไหลเวียนต่างๆ คุณอาจคาดไม่ถึงว่า “แค่ดื่มน้ำน้อย” ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำได้ มาดูกันว่า มีสาเหตุใดบ้างที่ทำให้คุณเป็น “ภาวะขาดน้ำ”

  • การที่ร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไป
  • อาเจียนมาก
  • ท้องเสียอย่างหนัก
  • อยู่ในที่อากาศร้อนเป็นเวลานาน
  • เหงื่ออกมากจากการออกกำลังกายเป็นเวลานาน
  • เหงื่อออกมาในผู้ที่มีไข้สูง หรือมีภาวะติดเชื้อ
  • ปัสสาวะมากผิดปกติในผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่ใช้ยาขับปัสสาวะ ใช้ยาความดันโลหิต รวมถึงผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
  • การที่ร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ
  • การดื่มน้ำน้อยเกินไป โดยเฉพาะผู้ป่วยอาการโคม่า หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ
  • ผู้ที่ป่วยเป็นหวัด เจ็บคอ ทำให้เบื่ออาหารและดื่มน้ำน้อยลง
  • ผู้ที่ไม่ชอบดื่มน้ำ และดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หรือดื่มน้อยกว่า 5 ลิตรต่อวัน

การวินิจฉัย…เพื่อหาสาเหตุ

จะเห็นได้ว่า “ภาวะขาดน้ำ” เกิดได้จากหลายสาเหตุ จึงควรให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด

  • การตรวจร่างกาย

เพื่อหาสัญญาณของภาวะขาดน้ำ เช่น การตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ ชีพจร และความดันโลหิตในขณะที่ผู้ป่วยเปลี่ยนจากท่านอนเป็นท่ายืน เพราะหากน้ำในเลือดน้อยเกินไปจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น และเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะหรือเป็นลมได้

  • การตรวจปัสสาวะ

เช่น สีของปัสสาวะ การตรวจพบคีโตนในปัสสาวะ

  • การตรวจเลือด

เช่น ปริมาณน้ำตาลในเลือด ปริมาณโซเดียมและโพแทสเซียมในเลือด ตรวจความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง

ดูแลตัวเองได้เมื่อ“ร่างกายขาดน้ำ”

“ภาวะขาดน้ำ” เกิดได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษาแตกต่างกัน หากมีอาการไม่รุนแรงมากนัก ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองได้ไม่ยาก

เด็กแรกเกิดและเด็กอายุไม่ถึง 1 ปี

  • ให้ดื่มนม หรือนมแม่บ่อยๆ และรีบมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล
  • ในกรณีที่ต้องดื่มผงละลายเกลือแร่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้ทารกดื่ม

เด็กอายุ 1-11 ปี

  • พยายามให้เด็กดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อเป็นการชดเชยน้ำในร่างกาย
  • ดื่มผงละลายเกลือแร่
  • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำผลไม้ น้ำอัดลม หรือน้ำหวานที่มีปริมาณน้ำตาลสูง

เด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่

  • หากทำกิจกรรมอยู่ควรหยุดพัก และอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก
  • ดื่มน้ำเปล่า หรือเครื่องดื่มเกลือแร่เพื่อเป็นการชดเชยน้ำในร่างกาย

ดูแลตัวเองก่อน “ร่างกายขาดน้ำ”

สิ่งสำคัญที่สุดคือ… การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการป่วย เช่น อาเจียน ท้องเสีย มีไข้ หรือผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ รวมทั้งผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนักและสูญเสียเหงื่อมากๆ ซึ่งปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อคนทั่วไป คือประมาณ 1.5-2 ลิตร หรือ 8 แก้วต่อวัน แต่หากเป็นผู้ป่วยโรคไต หรือโรคหัวใจ อาจต้องจำกัดปริมาณในการดื่มน้ำ ทั้งนี้ต้องปรึกษาแพทย์เป็นรายบุคคล

ระวัง 'โรคติดเชื้อ' ร่างกายอ่อนแอ เชื้อโรคก่อตัว

นพ. วรวุฒิ เจริญศิริ ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ อธิบายว่าโรคติดเชื้อ (infectious diseases)หมายถึง โรคที่มีสาเหตุมาจากเชื้อโรค การที่จะทำให้เกิดโรคมีปัจจัยเกี่ยวข้องหลายประการ เช่นชนิดและปริมาณของเชื้อโรค ภูมิต้านทานของร่างกายผู้ป่วย ปัจจัยทางพันธุกรรม เป็นต้น บางครั้งเชื้อโรคก็ไม่สามารถก่อให้เกิดโรคได้ เช่น ภาวะที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ก็จะสามารถกำจัดเชื้อได้ แต่เมื่อร่างกายอ่อนแอลง เชื้อโรคก็จะก่อเหตุทันทีเชื้อโรค อาจเรียกได้หลายอย่างเช่น เชื้อจุลินทรีย์ จุลินทรีย์ เชื้อจุลชีพ จุลชีพ ศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับเชื้อโรค เรียกว่า จุลชีววิทยา ซึ่งแบ่งออกเป็นแขนงย่อยๆ อีกมากมายหลายแขนง

เชื้อโรคบางชนิดไม่สามารถก่อให้เกิดโรค ขณะที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ แต่เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เชื้อเหล่านั้นกลับกลายเป็นเชื้อก่อโรคได้ทันที กระบวนการติดเชื้อเป็นปฏิกิริยาที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นกับว่าร่างกายสามารถตอบโต้หรือจัดการกับเชื้อโรคได้หรือไม่เชื้อโรคที่เรียกว่า จุลชีพประจำถิ่น อาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์โดยไม่ทำให้เกิดโรค เช่น ในลำไส้นอกจากจะช่วยผลิตสารที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายแล้ว ยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลชีพที่ทำให้เกิดโรคได้ด้วย

หลักการวินิจฉัยโรคติดเชื้อ

1.โรคติดเชื้ออาจเกิดขึ้นกับระบบใดระบบหนึ่งของร่างกาย หรืออาจเกิดขึ้นทั่วร่างกายก็ได้ ลักษณะอาการของโรคติดเชื้อที่มักเกี่ยวข้องกับอวัยวะหลักๆ ได้แก่ โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ โรคติดเชื้อระบบประสาท โรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร โรคติดเชื้อของกระดูกและข้อ โรคติดเชื้อของผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อน เป็นต้น

2.การวินิจฉัยโรคติดเชื้อต้องกระทำอย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ เนื่องจากมีผลต่อการวางแผนการรักษาอย่างมาก ความล่าช้าในการวินิจฉัยโรคเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การรักษาไม่ได้ผล

3.วิธีเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการโรคติดเชื้อ ต้องกระทำอย่างถูกต้องครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเทคนิกการเก็บตัวอย่าง การดูแลเก็บรักษาสิ่งส่งตรวจ การขนส่งเคลื่อนย้ายไปยังห้องปฏิบัติการ

4.แพทย์ต้องใช้ลักษณะประวัติอาการเจ็บป่วยเป็นข้อมูลสำคัญในการวินิจฉัยเบื้องต้น รวมทั้งการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ทุกซอกทุกมุมของร่างกาย บางครั้งการตรวจผลความผิดปกติเพียงตำแหน่งเดียวอาจช่วยในการวินิจฉัยโรคได้อย่างมาก

5.ศึกษาลักษณะการเปลี่ยนแปลงรูปร่างที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าและกล้องจุลทรรศน์ของพยาธิสภาพ และผลแทรกซ้อนจากการติดเชื้อชนิดต่างๆ ช่วยให้การวินิจฉัยโรคทางคลินิกแม่นยำยิ่งขึ้น

6.ทบทวนการวินิจฉัยโรค และเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ หากมีข้อมูลใหม่ๆ จากห้องปฏิบัติการ หรือพบการเปลี่ยนแปลงของแบบแผนลักษณะการดำเนินโรคของผู้ป่วย

เชื้อก่อโรคที่พบได้บ่อย

เชื้อก่อโรคที่พบได้บ่อย ได้แก่ เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อปรสิต

  • โรคติดเชื้อไวรัสที่รู้จักกันดี ได้แก่ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคไวรัสตับอักเสบ โรคพิษสุนัขบ้า โรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม ไข้เลือดออก ไข้สมองอักเสบ โรคเอดส์ เป็นต้น
  • โรคติดเชื้อแบคทีเรียที่รู้จักกันดี ได้แก่ ไข้ไทฟอยด์ โรคฉี่หนู บาดทะยัก ไข้กาฬหลังแอ่น โรคซิฟิลิส เป็นต้น
  • โรคติดเชื้อราที่รู้จักกันดี ได้แก่ โรคเชื้อราที่ผิวหนัง โรคติดเชื้อแคนดิดา โรคติดเชื้อแอสเปอจิลลัส เป็นต้น
  • โรคติดเชื้อปรสิตที่รู้จักกันดี ได้แก่ โรคพยาธิชนิดตัวแบน โรคพยาธิตัวกลม โรคมาลาเรีย โรคบิดมีตัว โรคเท้าช้าง เป็นต้น

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

โรคติดเชื้อส่วนใหญ่จำเป็นต้องส่งตรวจเพื่อวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ การตรวจบางชนิดทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ในขณะที่การตรวจบางอย่างยุ่งยาก และลำบากมาก ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการช่วยให้การวินิจฉัยแม่นยำ และการรักษามีประสิทธิภาพได้ผลมากยิ่งขึ้น มาตราฐานของห้องปฏิบัติการจึงมีความสำคัญต่อกระบวนการวินิจฉัยโรคติดเชื้อทุกชนิด

แนวทางการรักษาโรคติดเชื้อ

1.พิจารณาให้ยาต้านจุลชีพที่เหมาะสม ในขนาดที่ถูกต้อง เป็นระยะเวลาที่ได้ผลดีที่สุดส่วนใหญ่การพิจารณาใช้ยาต้านจุลชีพจะแบ่งเป็นสองระยะ

  • ระยะแรกเป็นการให้ยาตามข้อมูลเบื้องต้น เช่น ลักษณะอาการเจ็บป่วย สถิติของเชื้อโรคที่มักเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ
  • ระยะต่อมา จะมีการนำผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการมาใช้ประกอบ และอาจมีการปรับเปลี่ยนให้ถูกต้องเหมาะสมยิ่งขึ้น

2.ทดสอบความไวของยาต้านจุลชีพเสมอ ทั้งจากรายงานในสถานพยาบาลแห่งนั้นรายงานจากหน่วยงานราชการ และรายงานจากห้องปฏิบัติการอ้างอิง

3.หัวใจสำคัญของการรักษาโรคติดเชื้อ นอกจากการใช้ยาต้านจุลชีพที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว ยังต้องให้การรักษาความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับระบบต่างๆของร่างกาย ในทางการแพทย์เรียกว่า การรักษาประคับประคอง (supportive treatment) ได้แก่ การรักษาสมดุลของภาวะสารน้ำ และเกลือแร่ในร่างกาย การดูแลระบบไหลเวียนโลหิต การทำงานของหัวใจ ความดันเลือด การประเมินปัญหาในการหายใจของผู้ป่วย เป็นต้น

4.หมั่นติดตามการเปลี่ยนแปลงของอาการผู้ป่วยอยู่เสมอ โรคติดเชื้อเป็นโรคที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคตลอดเวลา ดังนั้นการติดตามผลการรักษา ไม่ว่าจะเป็นยาต้านจุลชีพหรือการรักษาอื่นๆ จึงช่วยให้เกิดผลสำเร็จในที่สุด

5.ในปัจจุบันแพทย์จำเป็นต้องชี้แจงอธิบายให้ผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีข้อจำกัดในเรื่องของความรู้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโรคติดเชื้อและเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ อีกประการหนึ่งที่สำคัญมากคือการบอกกล่าวถึงผลแทรกซ้อนของโรคที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจอย่างถูกต้องในเบื้องต้นและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง

อ้างอิง:ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ , ศูนย์วิจัยสุขภาพบีดีเอ็มเอส

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

จับตายอดต่างชาติเที่ยวไทย ยังเดินทางหลักแสนคน/วัน หลังเกิดเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘สมศักดิ์’ ฟ้อง ‘ผอ.อนามัยโลก’ กัมพูชา โจมตี รพ. ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

GULF ระดมทีม ‘กัลฟ์อาสา’ ร่วมแพ็คถุงยังชีพ ส่งต่อกำลังใจพี่น้องประชาชนพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ฝนถล่ม! ทหารไทย-กัมพูชา พักรบชั่วคราว กระสุน BM-21 รวม 28 นัด ตก จ.บุรีรัมย์

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

ข่าวดีคนพิการ! สปสช. ย้ำสิทธิ UCEP เจ็บวิกฤตเข้ารพ.ใกล้บ้าน

กรุงเทพธุรกิจ

สธ. เร่งระดมทีมแพทย์ส่งหน่วยเคลื่อนที่ ช่วยประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชา

PPTV HD 36

เมื่อความถูกต้องไม่ถูกใจ เข้าข่าย "Cognitive Dissonance" ปล่อยไว้ทำร้ายตัวเอง

TNN ช่อง16

สปสช.แนะปชช. ชายแดนไทย-กัมพูชา เจ็บป่วยพบหมอออนไลน์ ฟรี!

กรุงเทพธุรกิจ

เช็กด่วน! 'ศูนย์พักพิงชั่วคราว' 4จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพธุรกิจ

ตามติด สวีเดน ประเทศเดียวอนุญาตให้จำหน่าย ยาสูบแบบเคี้ยว

กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...