Toyota ทำยอดขายครึ่งปีแรกนิวไฮ 5.5 ล้านคัน แรงซื้อก่อนภาษีทรัมป์บังคับใช้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น” ได้ประกาศว่ายอดขายรถยนต์ทั่วโลกในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ลูกค้าในตลาดสำคัญๆ เร่งซื้อรถก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25%
ยอดขายทั่วโลกของโตโยต้า ซึ่งรวมถึงยอดขายของบริษัทในเครืออย่าง ไดฮัทสุ มอเตอร์ และ ฮีโน่ มอเตอร์ส จำกัด เพิ่มขึ้น 7.4% แตะระดับมากกว่า 5.5 ล้านคัน ในช่วงเดือนม.ค.ถึงมิ.ย. โดยได้รับแรงหนุนหลักจากความต้องการที่แข็งแกร่งในตลาดสหรัฐ ญี่ปุ่น และจีน
ในส่วนของการผลิต โตโยต้าสามารถเพิ่มการผลิตได้ 8.8% เป็น 5.5 ล้านคันในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมีการผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้นเกือบ 20%
สำหรับยอดขายทั่วโลกในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 2.7% จากปีก่อน อยู่ที่ 937,246 คัน ขณะที่การผลิตเพิ่มขึ้น 7.7% อยู่ที่ 963,455 คัน
แม้ว่ารถยนต์ไฮบริดจะกลับมาได้รับความนิยม ซึ่งช่วยเพิ่มกำไรให้โตโยต้า แต่บริษัทและแบรนด์รถยนต์ดั้งเดิมรายอื่นๆ ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหม่ๆ ทั้ง Tesla Inc. ของ Elon Musk และ BYD Co. จากจีน
ในปีนี้ โตโยต้าขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ (BEV) ไปแล้วประมาณ 82,000 คัน ซึ่งเกือบทั้งหมดส่งมอบให้กับลูกค้านอกประเทศญี่ปุ่น
โตโยต้า จับตาดีลภาษี ‘ญี่ปุ่น-สหรัฐ’
แม้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะสร้างความไม่แน่นอนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก แต่ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นอาจอยู่ในสถานะที่ดีกว่าคู่แข่ง หลังจากการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในเดือนนี้ ซึ่งจะทำให้ภาษีนำเข้ารถยนต์เข้าสหรัฐอยู่ที่ 15% เท่านั้น
สหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น โดยในปีที่แล้วมียอดขายรถยนต์สูงถึง 4.08 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีการนำเข้ารถยนต์รุ่นอื่น ๆ จากโรงงานในแคนาดาหรือเม็กซิโกอีกด้วย
โตโยต้า กำลังเผชิญกับผลกระทบจากภาษีศุลกากรหนักที่สุดในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ โดยโตโยต้าหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นจะดีขึ้น พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการลดภาษีศุลกากรเพิ่ม