ร่างแผนสิ่งแวดล้อมพื้นที่“อีอีซี” เท3.9หมื่นล้านเข็นต่อ190โปรเจกต์
เรื่อง (ร่าง) แผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) พ.ศ. 2566 - 2567 (ร่างแผนสิ่งแวดล้อมฯ) ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เสนอ และให้ กพอ. สกพอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์(กษ.),กระทรวงคมนาคม( คค.) , กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.),กระทรวงมหาดไทย( มท.) ,กระทรวงสาธารณะสุข (สธ.),สำนักงบประมาณ( สงป.) และ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับแผนสิ่งแวดล้อมในอีอีซีนี้มีสาระสำคัญของเรื่อง เนื่องจากแผนสิ่งแวดล้อมฯ พ.ศ. 2561 - 2564 ได้สิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการแล้ว โดยร่างแผนสิ่งแวดล้อมฉบับนี้เป็นการดำเนินการที่ต่อเนื่องจากฉบับเดิมซึ่งได้มีการปรับปรุงรายละเอียดและเพิ่มเติมมาตรการ/โครงการให้ครอบคลุมทุกประเด็นและสอดคล้องกับการดำเนินการในปัจจุบัน เช่น การจัดการปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก การจัดการผลกระทบจากภัยพิบัติ การอนุรักษ์ ป้องกัน และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล ทั้งนี้ ร่างแผนสิ่งแวดล้อมฯ
สำหรับ วิสัยทัศน์ แผนดังกล่าวเพื่อสร้างสมดุลของการพัฒนากับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน
ภายใต้วัตถุประสงค์ 1. ส่งเสริมการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ 2.อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติเพื่อเป็นฐานการพัฒนาอย่างคุ้มค่าและเป็นธรรมภายใต้ความสมดุลของระบบนิเวศ 3. เสริมสร้างวิถีชีวิตและการพัฒนาเมืองและชุมชนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรวมทั้งดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนด้วยรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว 4. พัฒนา ปรับปรุง เครื่องมือกลไก ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม
ทั้งนี้กำหนดให้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ 1. การจัดการของเสียและมลพิษสิ่งแวดล้อม 2.การอนุรักษ์ ฟื้นฟู ดูแลรักษาและใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน 3. การส่งเสริมการดำรงชีวิตและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน 4.การเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยโครงการสำคัญ ภายใต้ยุทธศาสตร์รวมทั้งสิ้น 190 โครงการ เช่น โครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ,โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแก้มลิงคลองบางไผ่ , โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบชายหาดบ้านอำเภอ จังหวัดชลบุรี และ โครงการขับเคลื่อนการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ EEC และพื้นที่เชื่อมต่อ กำหนดกรอบวงเงิน39,746.43 ล้านบาท
สำหรับการประชุมกพอ. ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน โดยมี นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นเลขานุการการประชุมฯ ได้พิจารณา และมีมติ ดังนี้
1. รับทราบปัญหาอุปสรรค และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายหลังการลงนามสัญญาร่วมทุน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งผลกระทบต่อความเป็นไปได้ทางการเงินของโครงการฯ และอาจมีผลให้เอกชนคู่สัญญาไม่สามารถดำเนินโครงการได้ รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาครัฐ และเห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรี รับทราบปัญหาอุปสรรคดังกล่าว และมอบหมายให้ สกพอ. เจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคทั้งหมดบนพื้นฐานความสมเหตุสมผล เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการฯ และเกิดการลงทุนได้จริง
2. อนุญาตให้ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการพลังงาน ตามอำนาจมาตรา 37 (4) แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 ในเขตส่งเสริม เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) โดยการอนุญาตเป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงาน ทั้งนี้การอนุญาตดังกล่าว ครอบคลุมถึง 1. การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 18 เมกะวัตต์
2. การจำหน่ายไฟฟ้า ขนาดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด 15 เมกะวัตต์ ให้แก่กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ระยะเวลา 25 ปี 3. การอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ลำดับที่ 88 (1) และ 4. การอนุญาตให้ผลิตพลังงานควบคุม (พ.ค.2) เป็นระยะเวลา 4 ปี