การบินไทยจะเหมือนเดิมไหม? กลยุทธ์ที่ทำให้การบินไทยกลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ พร้อมรายได้ทะยานแสนล้าน
หลายคนอาจทราบข่าวคราวของการบินไทย ที่ได้ยื่นขอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง หลังจากที่เมื่อปี 2563 คณะรัฐมนตรีมีมติให้การบินไทยต้องยื่นฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ด้วยหนี้สินราวแสนล้านบาท
แรกเริ่มของการฟื้นฟูกิจการ ศาลเห็นชอบแผนฟื้นฟูฉบับแรกและวางแผนว่าต้องการเงินใหม่กว่า 50,000 ล้านบาทแต่ท้ายที่สุด ตลอดระยะเวลา 4 ปี ของการอยู่ในแผนงาน การบินไทยไม่ได้รับเงินใหม่และหาทางรอดให้กิจการด้วยตนเอง
จากติดลบ วันนี้การบินไทยมีรายได้รวมหลักแสนล้าน พร้อมเตรียมกลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการ ทั้งยังประกาศอย่างชัดเจนว่าการบินไทยชัดเจนและมั่นใจว่าต่อจากนี้จะคงสถานะการเป็นกิจการเอกชนเพื่อให้บริหารงานได้คล่อง หลังจากที่เคยเป็นรัฐวิสาหกิจ
เชื่อว่าคนในแวดวงการบินและหลายคนที่ชื่นชอบการเดินทางน่าจะสนใจไม่น้อยว่า การบินไทยงัดไม้เด็ดอะไรใช้พลิกชะตาบริษัท Keynote ตอนนี้จึงพาไปสรุปกลยุทธ์เหล่านั้นจากงานแถลงข่าวล่าสุดของการบินไทย
✈️ ไม่มี hair cut แต่แปลงหนี้เป็นทุน และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแทน
แต่เดิม การบินไทยตั้งใจขอเงินทุนใหม่แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เงินจำนวนนั้น การบินไปจึงต้องหาทางรอดอื่นที่ไม่ใช่การ hair cut หรือการลดหนี้ที่ต้องจ่ายคืนให้เจ้าหนี้แต่ใช้การแปลงหนี้เป็นทุน และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแทน
การแปลงหนี้เป็นทุนคือการเปลี่ยนเจ้าหนี้ให้เป็นผู้ถือหุ้น เช่น ถ้าการบินไทยเป็นหนี้ 1 ล้านบาท ก็อาจเจรจากับเจ้าหนี้บางรายว่าขอออกหุ้นเท่าจำนวนหนี้แทน เพื่อให้ไม่ต้องหาเงินสดมาจ่ายทันที ทั้งยังทำให้หนี้ลดลง ซึ่งในครั้งนี้ การบินไทยได้แปลงหนี้เป็นทุน 53,453 ล้านบาท
ส่วนการขายหุ้นเพิ่ม คือการที่บริษัทได้ออกหุ้นใหม่ แล้วเสนอขายซึ่งทำให้บริษัทได้เงินสดเข้ามาโดยไม่ต้องกู้เพิ่ม ในครั้งนี้ การบินไทยได้ขายหุ้นเพิ่มทุน 22,987 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเงินสดก้อนแรกที่เข้าบริษัทตั้งแต่เข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ
เมื่อปลายปี 2563 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 43,142 ล้านบาท แต่การแก้เกมด้วย 2 วิธีนี้ ทำให้การบินไทยมีกำไรจากการดำเนินงาน และทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นกลายเป็นบวก 55,439 ล้านบาท และสามารถลดอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเหลือเพียง 2.2 เท่า จาก 12.5 เท่าในปี 2562 ได้
✈️ ปรับโครงสร้างใหม่ทั้งองค์กรเพื่ออุดทุกช่องโหว่ของการบริหารงาน
การบินไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ 11 คน ที่มีความเชี่ยวชาญรอบด้าน ทั้งการบิน การเงิน กฎหมาย กลยุทธ์ การตลาด ดิจิทัล ซึ่งเป็นการผสมผสานบุคลากรเดิมจากยุคฟื้นฟู และกรรมการใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้ถือหุ้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัว เพิ่มความโปร่งใสในการทำงาน และเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
การบินไทยยังปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหม่ จากเดิมที่การบินไทยมีสัดส่วนต้นทุนพนักงานคิดเป็น 23% ของรายได้จากบริการการบินซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยสายการบินอื่น ในปี 2024 หลังปรับองค์กรอย่างเข้มข้น ตัวเลขนี้ลดลงเหลือเพียง 10.7% ถือว่าต่ำกว่าสายการบินชั้นนำอื่นๆ ทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา
แม้ลดจำนวนพนักงานลง การบินไทยยังดึงดูดผู้สมัครคุณภาพสูงได้ เพราะจากข้อมูลพบว่าอัตราการคัดเลือกนักบินอยู่ที่ 1 คนจาก 18 ผู้สมัคร และตำแหน่งลูกเรืออยู่ที่ 1 คนจาก 9 คน สะท้อนว่าการบินไทยยังคงมีความสามารถในการแข่งขันด้านแรงงานไม่น้อย
มากกว่าการปรับโครงสร้างองค์กร การบินไทยยังสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้โปร่งใสมากขึ้น ด้วยมาตรการใหม่ เช่น จัดซื้อแบบรวมศูนย์เพื่อควบคุมต้นทุนอย่างเป็นระบบ ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงเสริมระบบควบคุมภายในให้แน่นหนากว่าที่เคย
✈️ บริหารต้นทุนใหม่และส่งมอบประสบการณ์การบินผ่านการปรับฝูงบินและปรับห้องโดยสาร
ก่อนหน้านั้น การบินไทยมีเครื่องบินทั้งหมด 8 แบบ และมีเครื่องยนต์ 9 แบบ แต่จากการปรับโครงสร้างนี้ การบินไทยตัดสินใจลดเครื่องบินเหลือเพียง 4 แบบ และเครื่องยนต์ 5 แบบ เพื่อบริหารต้นทุนและซ่อมบำรุงได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ การเดินทางโดยเครื่องบินยังไม่ใช่แค่การเดินทางเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายเท่านั้น แต่ผู้โดยสารโดยเฉพาะผู้โดยสารชั้นพรีเมียมยังให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ การบินไทยจึงเริ่มปรับห้องโดยสารให้ทันสมัยเพื่อเพิ่มความสบายและคุณภาพของประสบการณ์การเดินทาง โดยเฉพาะในเส้นทางภูมิภาคที่มีการแข่งขันสูง
ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งที่นั่งใหม่ในทุกชั้นให้มีมาตรฐานเดียวกัน ปรับห้องโดยสารให้มีเก้าอี้ Royal Silk Class รวมถึงให้บริการ Wi-Fi ครอบคลุม และระบบความบันเทิงใหม่ที่มีภาพยนตร์ที่หลากหลายมากขึ้น มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย พร้อมเกมใหม่ๆ เพิ่มเติมเพื่อความบันเทิงตลอดการเดินทาง ที่สำคัญ ยังมี amenity kits แบบใหม่ ที่ร่วมออกแบบกับแบรนด์ไทย เช่น THANN, PAÑPURI และแบรนด์ระดับโลกอื่นๆ เพื่อสร้างความประทับใจ
✈️ วางเป้าหมายเติบโต พร้อมแข่งขันระดับภูมิภาค
การบินไทยยังไม่พึ่งแต่เอเจนซีอีกต่อไป แต่จริงจังกับช่องทางขายตรงผ่าน TG website และ mobile app ซึ่งเพิ่มขึ้น 6% ลดการขายผ่านเอเจนซีไป 7% ทำให้ลดค่าคอมมิชชั่นจาก 3.8% เหลือ 2.5% ซึ่งการจะดึงผู้โดยสารให้ใช้งานและซื้อ-ขายบัตรผ่านการบินไทยโดยตรงหมายความว่าการบินไทยต้องทำระบบให้พร้อม
ทั้งการทำเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นใหม่ให้ใช้งานง่าย รองรับการซื้อ-ขายตั๋วโดยตรง เพิ่มความยืดหยุ่นเรื่องราคา และขยายความครอบคลุมการขายทั่วโลกผ่านเอเจนซีท่องเที่ยวออนไลน์ นอกจากนั้นยังยกระดับศูนย์บริการลูกค้า อย่างการเปิด THAI Contact Center ในต่างประเทศ โดยให้บริการใน 24 ประเทศ และ 6 ภาษา ช่วยเพิ่มความพึงพอใจลูกค้าจาก 94% เป็น 98% มีอัตราการวางสายก่อนรับบริการจาก 8.8% เป็น 5.9%
ในแง่เป้าหมายนั้น การบินไทยตั้งใจเพิ่ม market share ที่สุวรรณภูมิจาก 26% เป็น 35% ภายในปี 2572 ให้ได้ โดยขยายเส้นทางผ่านกรุงเทพฯ ให้เป็น hub ระดับภูมิภาค พร้อมขยายพันธมิตรสายการบิน เช่น Turkish Airlines (joint business agreement) ขยายเส้นทางบินและเพิ่มความถี่ในภูมิภาค (regional hub)
จากแผนงานที่รัดกุมเหล่านี้เองที่ทำให้ในปี 2567 การบินไทยมีรายได้รวม (รายได้ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจตามปกติ เช่น ขายตั๋วเครื่องบิน ขนส่งสินค้า ฯลฯ โดยไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว เช่น การขายทรัพย์สินอย่างเครื่องบิน) อยู่ที่ 187,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 16.7% และมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 41,515 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไร 22.1%
ในไตรมาส 1 ปี 2568 การบินไทยยังมีรายได้รวม 51,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงานสูงถึง 13,661 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไร 26.5% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในกลุ่มสายการบินแบบ full-service ทั้งในเอเชียแปซิฟิกและยุโรป
สิ่งที่การบินไทยทำได้สำเร็จจึงไม่ใช่แค่เรื่องการเงิน แต่คือการปรับวิธีคิดขององค์กรทั้งหมดให้กล้าลดสิ่งที่ไม่จำเป็น กล้าปรับโครงสร้าง กล้าหาทุนจากแหล่งใหม่ และกล้าออกจากความเป็นรัฐวิสาหกิจเพื่อคล่องตัวขึ้น ทำให้องค์กรที่ใหญ่และเชื่องช้ากลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าการบินไทยไม่ได้กลับมา ‘เหมือนเดิม’ เพราะโครงสร้างทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด แต่กลับมาในแบบที่โปร่งใสกว่า คล่องตัวกว่า และแข็งแรงกว่า พร้อมแข่งขันในระดับภูมิภาคและพร้อมกลับเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง