สังคมหน้า 14 : ไทย-กัมพูชา ความขัดแย้ง-ตอบโต้-บิดเบือน ที่ยังไม่จบ
คอลัมน์ : สังคมหน้า 14 ผู้เขียน : เดอะบลูส์
การปะทะ 5 วัน จาก 24 ก.ค. ถึง 28 ก.ค. ที่เกิดข้อตกลง “หยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไข” ตอนเที่ยงคืน และจาก 29 ก.ค. เป็นต้นมา กัมพูชาโหม “ชี้แจง” แบบเอาประโยชน์เข้าตัวเองแบบ “สุด ๆ” รัฐบาลเขมรเชิญประเทศอาเซียนมาฟังการชี้แจง นำ “คณะทูตทหาร” ไปชมสถานที่ ความเสียหายต่าง ๆ รวมถึง “ช่องอานม้า” เล่นกันขนาดพาทูตไปดู “ระเบิด” ที่อ้างว่าเครื่องบินไทยนำไปทิ้งแต่ไม่ระเบิด แต่ดันเป็นระเบิดเก่า MK-84 ขนาด 900 ปอนด์ ที่โด่งดังสมัยสงครามเวียดนาม ส่วนประเทศไทยจะพา “ทูตทหาร-สื่อ” ไปชมพื้นที่ในวันศุกร์ 1 ส.ค.นี้
ก็เข้าใจได้ว่าทำไม “รัฐบาลตระกูลฮุน” รีบร้อนชี้แจงกล่าวหาไทย เพราะรอบนี้กัมพูชาโจมตี “เป้าหมายพลเรือน” ของฝ่ายไทยอย่าง“โจ่งแจ้ง” ทั้งยิง “จรวดบีเอ็ม-21” ทำให้ชายแดนกลายเป็นพื้นที่อันตราย ถล่มร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในปั๊ม ปตท. อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนเสียชีวิต 8 ราย โรงพยาบาล ชุมชน บ้านเรือนประชาชนเสียหายมากมาย สำหรับบีเอ็ม-21 เป็น “จรวดแบบ Grad” ผลิตในรัสเซีย เน้นอานุภาพทำลายเป้าหมาย ยิงเร็ว ความแม่นยำต่ำ จะยังไง “กัมพูชา” ก็เป็น “จำเลย” ที่พยานหลักฐานมัดแน่น แม้จะพยายามพลิกสถานการณ์ให้ตัวเองเป็น “เหยื่อ” ก็ตาม
ในการเมืองระหว่างประเทศ “ไทย” ได้ยึดหลักระหว่างประเทศ ชัดเจนในทุกขั้นตอน ทำให้ข้อกล่าวหาของเขมรเป็น “เรื่องประหลาด” แต่ใน“การเมืองภายในประเทศ” รัฐบาลไทยโดนถล่มไม่มี “ชิ้นดี” จากคนบางกลุ่ม “พิมพ์คีย์บอร์ด” ด่าแหลกด้วยข้อหา “ไม่รักชาติ” ก็ควรมองด้วยความเป็นธรรมและยึดข้อเท็จจริง รัฐบาลไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กอ้วน ภูมิธรรม เวชยชัย” ไปถึง “กระทรวงการต่างประเทศ” และ “กลาโหม” ทำงานหนักและระมัดระวัง ขณะที่ “กองทัพ” ทำงานคู่ขนานกันไป จากนี้ไป ทั้งรัฐบาลและกองทัพยิ่งต้อง “ร่วมมือ” กันส่ง “พยานหลักฐาน” พฤติกรรมละเมิดต่าง ๆ ของกัมพูชาให้องค์กรที่เกี่ยวข้องทวงความเป็นธรรมให้กับ “เหยื่อ” คนไทยในเหตุการณ์นี้
การปะทะรอบนี้ “สหรัฐ” โดย “โดนัลด์ ทรัมป์” ยกหูมาคุยกับรัฐบาลไทยโดยตรง และมี “มาร์โค รูบิโอ” รมว.ต่างประเทศ ติดตามใกล้ชิด ส่วน “จีน” รอบนี้บทบาทห่าง ๆ สักนิด แต่ก็ไปนั่งอยู่ในห้องเจรจานายกฯไทย-กัมพูชา ที่มาเลเซียด้วย ทำให้สถานการณ์เข้าไปพันกับเรื่อง “ภาษีตอบโต้” ของสหรัฐด้วย สะท้อนว่าข้อขัดแย้งรอบนี้ปล่อยผ่านไปเฉย ๆ ไม่ได้ และรัฐบาลควรปรับ “การทำงาน-การสื่อสาร” ให้รวดเร็วกว่าที่ผ่านมา
……………………………………………………………………………………………………………………………
เปิดแล้ว ‘หนึ่ง นม นัว Signature’
เมนูพิเศษ สาขาเมกาบางนา
ในที่สุด “เมกาบางนา” ศูนย์ยักษ์แหล่งช็อปปิ้งที่ใหญ่สุดในกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก ก็ดึงแม็กเนตใหม่ “หนึ่ง นม นัว Signature” ร้านดังจากย่านบรรทัดทอง ที่ยกความอร่อยมาเสิร์ฟแฟนคลับในทำเลใหม่ ๆ เติมเต็มการใช้ชีวิตด้วยแนวคิด YOUR EVERYDAY MEETING PLACE เอาใจสายคาเฟ่และขนมหวาน ด้วยเมนูสร้างสรรค์เฉพาะสาขานี้ ที่ชั้น 1 โซนเมกา ฟู้ดวอล์ก เริ่มจากเมนู “Bingsu Lava” ที่ยกขบวนความอร่อยนุ่มมาทั้งหมด เพิ่มความอิ่มแบบแน่น ๆ กับ “Open Sandwich” หลากสไตล์ และไฮไลต์สำหรับคอกาแฟอย่าง “นมนัว Dirty” ที่เกิดจากการร่วมมือกับ “ASTERISK ESPRESSO” คาเฟ่ดังจาก จ.ภูเก็ต ดีกรีแชมป์บาริสต้าระดับประเทศ ดื่มด่ำรสเข้มของกาแฟตัดกับนมนัวละมุนลงตัว รวมถึงเมนูยอดฮิตที่แฟน ๆ หลงรัก ทั้ง “ขนมปังอบ” โชคุปัง กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟคู่กับดิปสุดฟิน สังขยาใบเตย, ลาวาไข่เค็ม และฮอกไกโดครีมสด รวมถึงเมนูสุดคูล “สเลอปี้นมนัว” ที่นำความนัวจากนมสดแท้ไม่ผสมน้ำมาเป็นเกล็ดหิมะเนื้อเข้มข้น หวานหอม เย็นสดชื่น ดื่มแล้วดีต่อใจทุกครั้งที่ได้ลิ้มลอง สัมผัสความนัวฉบับพรีเมี่ยมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
……………………………………………………………………………………………………………………………
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สังคมหน้า 14 : ไทย-กัมพูชา ความขัดแย้ง-ตอบโต้-บิดเบือน ที่ยังไม่จบ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net