เมียนมายกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งกก. เตรียมเลือกตั้ง ธ.ค.นี้

เผยแพร่ 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เมียนมาประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังต่ออายุเรื่องมารวมเกือบ 4 ปีครึ่ง ปูทางสู่จัดการเลือกตั้งปลายปีนี้

เมียนมายกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน เตรียมเลือกตั้ง

สถานีโทรทัศน์ MRTV ของทางการเมียนมารายงานว่า รัฐบาลทหารเมียนมาประกาศยุติประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศแล้วในวันนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งในช่วงเดือน ธ.ค. นี้ หลังจากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศตั้งแต่ยึดอำนาจบริหารประเทศจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อเดือน ก.พ. 2021 และต่ออายุมาหลายครั้ง ยาวนานเกือบ 4 ปีครึ่งแล้ว

ขณะเดียวกัน รัฐบาลทหารเมียนมายังประกาศจัดตั้งคณะกรรมการจำนวน 11 คน นำโดย พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อทำหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งในประเทศ อย่างไรก็ดี รัฐบาลทหารยังไม่ได้ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจน แต่ขณะนี้กำลังอยู๋ระหว่างเปิดให้พรรคการเมืองลงทะเบียนอยู่ และการฝึกอบรมการใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ขณะเดียวกัน คาดว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย จะยังคงมีอำนาจในการบริหารประเทศต่อไปในฐานะประธานาธิบดีชั่วคราวที่จะกำกับดูแลการเลือกทั่วไปในครั้งนี้ รวมถึงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพ

การเลือกตั้งทั่วไปจะจัดขึ้นในเดือน ธ.ค. จะเป็นการเลือกตั้งระดับชาติครั้งแรกของเมียนมา นับตั้งแต่เกิดรัฐประหารในปี 2021 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองและทำให้เมียนมาตกอยู่ในสถานการณ์ความวุ่นวาย

วิจารณ์สหรัฐฯ ยกเลิกคว่ำบาตรเมียนมา หลังมิน อ่อง หล่าย ส่งจดหมายชม?

ทอม แอนดรูส์ ผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติในเมียนมา กล่าวถึงการตัดสินใจยกเลิกคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อ บุคคลและบริษัทที่เป็นพันธมิตรกับกองทัพมียนมา และโยงกับการค้าอาวุธให้ทหารเมียนมา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ว่า นี่คือการ “ก้าวถอยหลัง” ครั้งใหญ่ ในความพยายามของนานาประเทศที่จะปกป้องชีวิตของผู้คน ด้วยการจำกัดการเข้าถึงอาวุธของกองทัพเมียนมา และการที่สหรัฐฯ ยกเลิกคว่ำบาตรบุคคล หรือบริษัทที่เกี่ยวโยงกับการขายอาวุธให้กองทัพเมียนมาเช่นนี้ “เป็นเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง” ที่จะบ่อนทำลายความพยายามปกป้องชีวิตผู้คน

แอนดรูส์ระบุว่า บริษัทที่ถูกถอดออกจากบัญชีคว่ำบาตรนั้น มีส่วนพัวพันกับการเป็นนายหน้าจัดหาอาวุธและยุทโธปกรณ์ให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา พร้อมเสริมว่า สิ่งที่ทำให้การกระทำนี้น่าตกใจยิ่งขึ้น คือข้อเท็จจริงที่ว่า มาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลทหารกำลังได้ผล เนื่องจากข้อมูลชี้ว่า มีการนำเข้าอาวุธการทหารลดลงถึง 30% ระหะหว่างปี 2023-2024 อันเป็นผลมาจากมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ

cr. AP

สหรัฐฯ ได้ประกาศยกเลิกคว่ำบาตรต่อสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา หรือราว 2 สัปดาห์ หลังจากที่พล.อ. อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ได้ส่งจดหมายแสดงความชื่นชมต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยชี้ว่าทรัมป์ “มีความเป็นผู้นำที่แข็งแรงมาก” และยกย่องคณะทำงานของเขา ต่อการหยุดให้เงินสนับสนุนต่อสื่อที่วิพากย์วิจารณ์รัฐบาล กรณีที่ทรัมป์ประกาศภาษีต่อเมียนมาที่ 40% ซึ่งเป็นเรื่องที่มิน อ่อง หล่ายแสดงความยินดีอย่างยิ่ง เนื่องจากเหมือนเป็นการแสดงความยอมรับต่อรัฐบาลของเขา - แต่คณะทำงานของทรัมป์ย้ำว่า การตัดสินใจยกเลิกคว่ำบาตรนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจดหมายชื่นชมทรัมป์แต่อย่างใด

ขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมิถุนายน ผู้แทนสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ (UN) เพิ่งกล่าววิจารณ์ระบอบทหารเมียนมากรณีการทิ้งระเบิดใส่พลเรือน และการเกณฑ์ชาวโรฮิงญามาสู้รบในนามกองทัพ - อีกทั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทรัมป์ก็เพิ่งลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารให้คว่ำบาตรบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเมียนมาเพิ่มเติม พร้อมชี้ว่า การรัฐประหารเมื่อปี 2021 นั้น “ยังเป็นภัยคุกคามที่ไม่ปกติ” ต่อความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง