โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

เชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ ปลุกเซลล์มะเร็งเต้านมเข้าสู่ปอด

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา
การติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ปลุกเซลล์มะเร็งเต้านมที่หลับใหลให้กลับมากระจายสู่ปอด

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยชื่อเผยแพร่บทความจากงานวิจัย ชี้ว่า การติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ปลุกเซลล์มะเร็งเต้านมที่หลับใหลให้กลับมากระจายสู่ปอด

มะเร็งเต้านม กับ ระบบทางเดินหายใจ

มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิง แม้ว่าการรักษาในปัจจุบันจะก้าวหน้าไปมากจนสามารถทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากหายจากโรคได้ แต่ความท้าทายที่ยังคงอยู่คือการกลับมาของโรคในรูปแบบของการแพร่กระจาย (Metastasis) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต สิ่งที่น่าสนใจคือเซลล์มะเร็งที่หลุดรอดจากการรักษาสามารถเดินทางไปยังอวัยวะอื่น ๆ เช่น ปอด ตับ หรือกระดูก และเข้าสู่ "ระยะสงบ" (Dormancy) ได้นานหลายปีหรือหลายสิบปี ก่อนที่จะถูกปลุกให้กลับมาแบ่งตัวและก่อให้เกิดก้อนมะเร็งใหม่ในที่สุด ในขณะเดียวกัน การติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือโควิด-19 ก็เป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกต้องเผชิญเป็นประจำ

งานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

งานวิจัยชิ้นล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature ได้รายงานความเชื่อมโยงที่น่าสนใจระหว่างสองเรื่องนี้ขึ้นมา

ทีมวิจัยได้ตั้งสมมติฐานที่สำคัญว่า การอักเสบในปอดที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ไป "ปลุก" เซลล์มะเร็งเต้านมที่อยู่ในระยะสงบให้กลับมามีชีวิตชีวาและก่อให้เกิดการแพร่กระจายได้หรือไม่ ข้อสังเกตเบื้องต้นที่สนับสนุนสมมติฐานนี้คือข้อมูลในช่วงสองปีแรกของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่พบว่าอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจไม่สามารถอธิบายได้ด้วยการเสียชีวิตจากโควิด-19 โดยตรง หรือผลกระทบจากการเข้าถึงการรักษาที่ล่าช้าเพียงอย่างเดียว คำถามหลักของงานวิจัยนี้จึงมุ่งไปที่การพิสูจน์ว่าการติดเชื้อไวรัสที่ปอดสามารถกระตุ้นการแพร่กระจายของมะเร็งจากเซลล์ที่สงบอยู่ได้จริงหรือไม่

ทีมวิจัยได้ออกแบบการทดลองที่ครอบคลุมทั้งในสัตว์ทดลองและวิเคราะห์ข้อมูลในมนุษย์ ในการทดลองกับสัตว์ พวกเขาใช้หนูที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้เป็นมะเร็งเต้านมชนิดที่สามารถแพร่กระจายไปยังปอดและเข้าสู่ระยะสงบได้ ซึ่งเป็นโมเดลที่เลียนแบบการดำเนินโรคในมนุษย์ได้เป็นอย่างดี จากนั้นจึงทำให้หนูกลุ่มนี้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (IAV) และไวรัสก่อโรคโควิด-19 (SARS-CoV-2) สายพันธุ์ที่ปรับให้ติดเชื้อในหนูได้ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในมนุษย์ ได้แก่ UK Biobank และ Flatiron Health เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการติดเชื้อโควิด-19 กับความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากมะเร็งและการแพร่กระจายของมะเร็งเต้านมไปยังปอดในผู้ป่วย

พบเซลล์มะเร็งแพร่เข้าสู่ปอดของหนูทดลอง

ผลการทดลองในหนูพบว่า หลังจากการติดเชื้อไวรัสทั้งสองชนิด จำนวนเซลล์มะเร็งในปอดของหนูเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 100-1,000 เท่าภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ เมื่อเจาะลึกลงไปในกลไก ทีมวิจัยพบว่าการอักเสบที่เกิดจากไวรัสทำให้มีการหลั่งสารที่เรียกว่า "อินเตอร์ลิวคิน-6" (Interleukin-6 หรือ IL-6) ในปอดเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่ง IL-6 นี้เองที่เป็นโมเลกุลสำคัญที่ไปปลุกเซลล์มะเร็งที่สงบอยู่ให้กลับมาแบ่งตัว เมื่อนักวิจัยทำการทดลองซ้ำในหนูที่ถูกตัดยีนสร้าง IL-6 ออกไป ปรากฏว่าการติดเชื้อไวรัสไม่สามารถกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเพิ่มจำนวนขึ้นได้อีกต่อไป

นอกจากนี้ การศึกษายังพบว่าในระยะต่อมา เซลล์ภูมิคุ้มกันชนิด CD4+ T cell ยังเข้ามามีบทบาทในการสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อให้เซลล์มะเร็งที่ตื่นขึ้นมาแล้วยังคงอยู่รอดต่อไปได้ โดยการไปยับยั้งการทำงานของเซลล์ CD8+ T cell ซึ่งปกติมีหน้าที่กำจัดเซลล์มะเร็ง ผลการวิเคราะห์ข้อมูลในมนุษย์ก็ให้ผลที่สอดคล้องกัน โดยพบว่าผู้ที่เคยเป็นมะเร็งและรอดชีวิตมาได้ หากติดเชื้อโควิด-19 จะมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากมะเร็งสูงกว่าผู้ที่ไม่ติดเชื้อ และในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านม การติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มความเสี่ยงที่มะเร็งจะแพร่กระจายไปยังปอดอย่างมีนัยสำคัญ

ต้องดูแลการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจให้ดี

งานวิจัยนี้เป็นการค้นพบกลไกทางชีวภาพที่เชื่อมโยงการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจเข้ากับการกลับมาของมะเร็งได้อย่างชัดเจน ชี้ให้เห็นว่าการติดเชื้อที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องทั่วไปอย่างไข้หวัดใหญ่อาจเป็นความเสี่ยงที่น่ากังวลสำหรับผู้รอดชีวิตจากมะเร็งหลายล้านคนทั่วโลก

การค้นพบนี้เปิดประตูไปสู่แนวทางการป้องกันและรักษาในอนาคต ตัวอย่างเช่น ยาต้านการอักเสบที่ออกฤทธิ์ยับยั้ง IL-6 ซึ่งปัจจุบันมีใช้อยู่แล้วในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง อาจถูกนำมาพิจารณาใช้เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายของมะเร็งในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจได้ อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัยของแนวทางดังกล่าวต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

คอกระแทกแรง เสี่ยงหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น ได้จริงหรือไม่?

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทองคำไปต่อหรือไม่! ท่ามกลางความเสี่ยง “การเมือง-เศรษฐกิจโลก”

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

SpaceX เดินหน้าสู่เที่ยวบินที่ 10 ของ Starship คาดส่งขึ้นสู่อวกาศในเดือนสิงหาคม

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ห้ามบินโดรนทุกกรณี เสี่ยงโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

สาเหตุโรคนอนไม่หลับ สิ่งแวดล้อม สภาพร่างกาย และปัญหาทางใจที่ควรแก้

PPTV HD 36

ใครบ้างควรตรวจพันธุกรรมมะเร็ง? เช็กล่วงหน้าป้องกันความเสี่ยงได้

PPTV HD 36

“N.R.Narong Group” รุกตลาดยาครบวงจร จัดทัพธุรกิจสยายปีกไทย-ต่างประเทศ

ฐานเศรษฐกิจ

4 วิธีดูแลสุขภาพหญิงวัยทองด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย

ฐานเศรษฐกิจ

คอกระแทกแรง เสี่ยงหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น ได้จริงหรือไม่?

TNN ช่อง16

“กัลฟ์” มอบ 18 ล้านหนุน รพ.จุฬาฯ จัดหาเทคโนโลยีส่องกล้อง ทำลายเนื้องอกตับอ่อน

ฐานเศรษฐกิจ

อาหารไฟเบอร์สูง ป้องกันท้องผูกเรื้อรัง ขับถ่ายดีสุขภาพแข็งแรง

PPTV HD 36

สปสช. จับมือ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ หนุนใช้ สายสวนลากลิ่มเลือด ผลิตในไทย

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ร้อยละ 90 ของเชื้อ HPV ติดมาจากการมีเพศสัมพันธ์

TNN ช่อง16

โรงงานผลิตเภสัชภัณฑ์ในพระดำริ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ผลิตยารักษาโรคมะเร็งแห่งแรกของไทยที่ได้รับการรับรอง GMDP PIC/s

TNN ช่อง16

ความหวังใหม่ผู้ป่วยมะเร็ง นักวิจัยสหรัฐฯ พัฒนา วัคซีนมะเร็งครอบจักรวาล จาก mRNA สร้างภูมิคุ้มกันสู้มะเร็ง

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...