ทูตทหาร 23 ประเทศ รับฟังข้อเท็จจริงชายแดนไทย-กัมพูชา
วันที่ 1 สิงหาคม 68 ทูตทหาร 23 ประเทศ กว่า 50 คน เดินทางมาถึงที่ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมเข้ารับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ สำหรับพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากการปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา
ซึ่งมีคณะของกองทัพบก นำโดย พล.ท.อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก เป็นหัวหน้าคณะเดินทาง พร้อมด้วย พ.อ.พัฒนา พันธุ์มงคล รอง ผอ.สำนักวิเทศสัมพันธ์ กรมข่าวทหารบก นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และ พล.ต.นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 ร่วมบรรยายสรุปสถานการณ์
โดยการบรรยายครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไล่เรียงเหตุการณ์ต่างๆ พร้อมทั้งนำเสนอการดำเนินงานของกองทัพ ในการรักษาอธิปไตย และยึดมั่นในหลักกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่งของกองทัพที่จะแก้ปัญหาด้วยทวิภาคีที่ไทย และกัมพูชามีอยู่ ด้วยความจริงใจและโดยสันติวิธีมาโดยตลอด
ขณะที่ รอง ผอ.สำนักวิเทศสัมพันธ์ กรมข่าวทหารบก อธิบายว่า “กัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน และเน้นพื้นที่พลเรือน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ทั่วโลกไม่สามารถยอมรับได้ โดยไทยไม่ได้สั่งอพยพประชาชน เนื่องจากไม่คาดคิดว่ากัมพูชาจะยิงโจมตีพื้นที่พลเรือน อีกทั้งกัมพูชายังนำเสนอภาพระเบิด MK-84 ว่าไทยนำไปใช้ในการโจมตี ซึ่งเป็นเฟกนิวส์”
ส่วนผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ บอกว่า “วันนี้พาคณะทูตลงพื้นที่ไปดูความเสียหายในพื้นที่ ให้เห็นว่ากัมพูชาโจมตีพื้นที่พลเรือน และไทยยอมรับในกฎหมายระหว่างประเทศ ในการหาทางแก้ปัญหาโดยสันติวิธีมาตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาผ่านกลไกหารือทวิภาคี ซึ่งไทยย้ำว่าถูกบังคับให้ต้องป้องกันตัวเอง ด้วยการกระทำของกัมพูชา พร้อมหวังว่ากัมพูชา จะเริ่มต้นเจรจาเพื่อนำไปสู่การสร้างความสงบสุข”
ขณะที่ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวถึงผลกระทบความเสียหายเฉพาะในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ทำให้ได้รับผลกระทบ 3 อำเภอชายแดน ที่มีประชาชนกว่า 50,000 คน โดยอพยพมาที่ศูนย์พักพิงกว่า 22,000 คน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีทั้งหมด 68 ศูนย์ ห่างจากพื้นที่ชายแดน 70 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่อำเภอเดชอุดม ซึ่งกระทบต่อวิถีชีวิต ประชาชนมีความยากลำบากในการใช้ชีวิตอย่างมาก และยังต้องปิดสถานพยาบาล 23 แห่ง เป็น รพ. 3 แห่ง และ รพ.สต. 20 แห่ง และยังกระทบชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 3 ราย รวมไปถึงบ้านเรือนและพืชผลทางการเกษตรอีกจำนวนมาก
ขณะที่พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์พร้อมย้ำถึงจุดที่จะลงพื้นที่ในวันนี้หลักๆ ว่า วันนี้จะมาดูผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน ทั้งในเรื่องของสิ่งปลูกสร้าง ปั๊มน้ำมัน โรงพยาบาล โรงเรียน ตลอดจนบ้านเรือนของพลเรือน ซึ่งเกิดจากการใช้อาวุธของฝ่ายกัมพูชาที่เกินขอบเขตมาสู่พื้นที่ของพลเรือน ซึ่งห่างจากพื้นที่การรบบริเวณแนวชายแดนในระยะไกล
โดยวันนี้มี 3 จุดหลักที่เน้นๆ คือ 1.สิ่งปลูกสร้าง ที่เป็นสถานอาคารพานิชย์ เช่น ปั๊มน้ำมัน ได้รับความเสียหาย 2.โรงพยาบาล 3.โรงเรียน 4.บ้านเรือนของประชาชน 5.กลุ่มคนที่เคยอยู่ในพื้นที่ ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ชายแดน แต่ก็ต้องมาอพยพไปด้วย ซึ่งมันเกิดผลกระทบไกลเกินกว่าสิ่งที่มันควรจะเป็น เพราะพื้นที่การรบมีแค่ส่วนเดียวเท่านั้น แสดงให้เห็นว่ามันเกิดจากการใช้อาวุธที่ผิดกติกา หลักสากล และผิดหลักมนุษยธรรมด้วย
ส่วนท่าทีของต่างชาติ โฆษกกองทัพบก ย้ำว่าขอให้รอเสร็จสิ้นภารกิจก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเดินทางไปยังจุดแรก ที่บริเวณปั๊มน้ำมันที่เสียหาย และมีผู้เสียชีวิต จังหวัดศรีสะเกษ.