‘ชัยเกษม นิติสิริ’ นายกฯ เบอร์ 3 โจทย์สุดท้าย ‘ชินวัตร’ ?
ชื่อของ "ชัยเกษม นิติสิริ" ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย คนที่ 3 ที่ยังเหลืออยู่ในบัญชีรายชื่อ ถูกพูดถึงใน “แผนสำรอง” ของ “ตระกูลชินวัตร” หากนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ต้องลงจากเก้าอี้ผู้นำ จากปมคลิปเสียงกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ซึ่ง “ศาลรัฐธรรมนูญ” รับคำร้อง และสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
อดีตอัยการสูงสุด และอดีต รมว.ยุติธรรม วัย 77 ปี ที่ข่าวคราวความเคลื่อนไหว ห่างหายไปจากวงการเมือง โดยเป็นที่รู้กันในวงกว้างว่า “ชัยเกษม” มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ที่ปรากฏอาการในช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2566
ทว่า ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาเคลื่อนไหวด้วยการโพสต์รูปตีกอล์ฟ เพื่อส่งสัญญาณว่า มีความพร้อมนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ในช่วงการเมืองวุ่นวาย และไม่มีความแน่นอน
ชัยเกษม เปิดบ้านพักส่วนตัวย่านรัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ทุกแง่มุมที่ถูกตั้งข้อสงสัย ทั้งสุขภาพและการเมือง
ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ชัยเกษมถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ระหว่างหาเสียงเกิดมีปัญหาด้านสุขภาพ เป็นสโตรก (โรคหลอดเลือดสมอง) ทำให้ต้องถอยฉากออกจากการเมืองแต่ในปัจจุบัน เขาย้ำว่า สุขภาพกาย เวลานี้หายดีแล้ว
“ครั้งสุดท้ายไปหาหมอ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หมอบอกว่า คุณนี่ มันโชคดีมหาศาล ผมยังบอกหมอเลย เป็นขนาดนี้ ผมโชคดียังไงหมอ หมอบอกว่าโชคดีสิวะ แบบนักเลง ก็ไอ้ก้อนนั้นไปแล้ว แถมมันยังพาลูกไปอีกตัวด้วย เท่ากับผมอยู่ในภาวะปกติ ไม่มีอะไรเลยตอนนี้ ไม่มีปัญหาเลย การเดินเหินผมก็ไม่มีอาการเป๋ไป เป๋มา ไม่มีหมดทุกอย่าง”
“ฟ้าบันดาล โชควาสนา ก็แล้วแต่ จะคิดยังไง ก็แล้วแต่ แต่สรุปคือ ผมไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพแล้ว”
ส่วนกรณีที่มีภาพออกรอบโชว์วงสวิงตีกอล์ฟนั้น เจ้าตัวเล่าว่า “ผมทำมาอยู่เรื่อยๆ ก็ตอนนี้มันได้แล้วไง หมออนุญาตแล้วเพียงแต่ว่า ถ้าร้อนมากให้เลิกนะ ว่าอย่างนั้น ให้ระวังเรื่องความร้อนไว้ แต่ที่ผ่านมาการตีกอล์ฟ มันจะร้อนมาก เวลาเดินถ้าร้อน ก็มีร่ม เราตีก็มีต้นหมากเพราะนั้นผมไปตั้งหลายรอบแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
อ่านเกมการเมืองไทย คาดเดายาก
ชัยเกษม ยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไทยเวลานี้ว่า “คนไทยที่รักประเทศชาติต้องช่วยกันดู ต้องช่วยกัน เป็นจริงอย่างที่ว่าหรือไม่ หรือความจริงต้องการเพียงแต่ล้มนายกฯ เพื่อตัวเองจะขึ้นมาเป็นใหญ่ พรรคพวกตัวเองจะได้ขึ้นมาทดแทน เพื่อประโยชน์ในทางการเมือง”
ส่วนกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญก็คงต้องปล่อยให้เป็นตามครรลอง แต่ถ้ามีเหตุการณ์ที่ทำให้ “แพทองธาร” ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น “ชัยเกษม” เห็นว่า ก็ต้องไปแก้ไขในช่วงเวลานั้น
ถามว่า การเมืองไทยยังไม่ถึงทางตันใช่หรือไม่ “ชัยเกษม” ตอบว่า การเมืองเป็นอะไรที่เดายาก แล้วก็เราถือว่าตราบใดที่ยังไม่ยุติ เรายังมีความหวัง จะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
ขณะที่กระแสเรียกร้องให้ นายกฯ แพทองธาร ลาออก หรือยุบสภาฯ นั้น “ชัยเกษม” มองว่า “ถ้าใครบอกจะยุบสภา หรือลาออก ก็ต้องถามเหมือนกัน แล้วเกิดลาออก ถ้าทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ถูกไหม คนที่ทำตัวใหญ่ลาออก คุณถามเขาเลยว่า ถ้าท่านลาออกแล้วทำอะไรต่อ”
หวังการเมืองไทยเป็นไปตามกลไก
ต่อข้อถามว่า หากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นตัวแปรในทางการเมืองยื่นเงื่อนไข ขอเป็นคนอื่นมาเป็นนายกฯ คนต่อไป “ชัยเกษม” บอกว่าอยากให้เป็นไปตามกลไกขณะเดียวกัน เขาก็ไม่อยากเอาตัวเข้ามาเกี่ยวข้องกับสถานการณ์การเมืองขณะนี้
“ให้เป็นตามกลไก แล้วบอกได้เลยว่าในใจก็บอก กูเฮง ฉิบหาย ไม่ถูกเลือกเฮง ฉิบหาย ผมก็ใช้ชีวิตผม ผมอยู่บ้าน ผมมีความสุขไหม ผมมีความสุข ผมไม่ต้องยุ่ง ไม่ต้องปวดหัว เรื่องของชาวบ้านตั้งเยอะแยะ"
"ถ้าบอกว่าในที่สุด ผมไม่ต้องไปเกี่ยวข้องเลย ผมก็ต้องไปไหว้พระ 3 วัด 7 วัด ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายถามจริงๆ ว่า อยากเป็นนายกฯ ไหม โถ…คุณเอ๋ย เอาตัวเข้าไปลำบาก”
เมื่อถามย้ำว่าหากพรรคร่วมรัฐบาลไม่รับข้อเสนอพรรคเพื่อไทย แต่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรีเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ชัยเกษม ระบุว่า"ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลขอก็ดีผมกลัวว่า ฮึ่มๆ แล้วบอกว่า กูจะเป็นละโว้ย แล้วคุณจะทำยังไง อย่าไปคิดอะไรล่วงหน้าเลย อะไรเกิดขึ้นก็ค่อยๆ แก้ถ้าคุณไปพูดอย่างนี้ บอก พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยิน ใครบอกว่ากูจะเข้าไปแย่งไปแข่ง”
ไม่มั่นใจสูตรรัฐบาลเฉพาะกิจ
ส่วนสูตรรัฐบาลเฉพาะกิจของพรรคประชาชนที่อาจโหวตเห็นชอบนายกฯ ของพรรคการเมืองใดเพื่อมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ "ชัยเกษม" บอกว่า "ข้อเสนออย่างนี้ก็ต้องลองดูในรายละเอียดว่า เขาจะแก้รัฐธรรมนูญ จะแก้ตรงไหน มีเหตุสมควรจะแก้ไขหรือไม่ แล้วแก้แล้ว ทำให้บ้านเมืองดีขึ้นหรือไม่ ผมคงจะวิพากษ์ไม่ได้ ผมไม่รู้ แก้ว่าอย่างไร คำเดียวก็ทำให้ผิดเพี้ยนแต่แรก อันนี้ต้องอาศัยคนมีความรู้ความสามารถ ต้องเป็นคนปรารถนาดีต่อบ้านเมืองด้วย"
"คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่า รัฐบาลเฉพาะกิจนั้นๆ จะดีกว่ารัฐบาลที่ตั้งตามปกติ เราไม่สามารถมั่นใจได้ เพราะอยู่ที่ตัวบุคคล และไม่ใช่เฉพาะคนที่เข้ามาเป็นรัฐบาล มันอยู่กับความร่วมมือของคนที่เกี่ยวข้องด้วย ถ้าไปคิดอย่างนั้น ไม่จบอ่ะ
ส่วนโอกาสทางการเมือง หากสถานการณ์บังคับต้องขยับเข้าไปทำหน้าที่นายกฯ "ชัยเกษม ระบุว่า “ผมไม่เคย มีความไม่พร้อมแต่เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเขาเห็นว่ามีใครเหมาะสม แค่ไหน ส่วนสภาพร่างกาย ผมไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ให้เป็นวันนี้ พรุ่งนี้ ก็เป็นได้”
“เปลี่ยนผมเมื่อไร ปลดผมเมื่อไร ไม่ว่าเลยด้วยนะ ไม่ได้โกรธด้วยนะ แต่ว่าจะโปรโมตผมไปทำอะไร ก็ทำได้ ไม่มีปัญหา"
เป็นคนชอบพอกัน ไม่มีช่วยเหลือพิเศษ
“ชัยเกษม” ตอบคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอดีตนายกฯตระกูลชินวัตร ทั้ง ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ซึ่งถูกมองว่ามีดีลอะไรหรือไม่
"ก็มีแต่ว่า ท่านหารือคุยอะไร ผมก็ตอบท่าน แต่ที่จะช่วยเหลืออะไรพิเศษ ไม่มี ท่านก็ไม่ได้ช่วยผม ผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรท่านเป็นพิเศษ เป็นเพียงคนชอบพอกัน แล้วก็เวลาจะพูดจาหรือคุยเรื่องอะไรกัน ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาให้กัน และกันได้”
ส่วนข้อสังเกตที่ว่า นายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทยแทบทุกราย ที่สุด มักพ้นตำแหน่งด้วยศาลรัฐธรรมนูญ ชัยเกษม มองว่า “การแข่งขันกันในทางการเมือง ระหว่างพรรคการเมืองที่ต่างกัน ถ้าเขามีโอกาสที่จะคว่ำฝ่ายหนึ่งได้ การเมืองไม่มีจะให้สิทธิใครเป็นพิเศษ ก็ว่าไปตามกติกา ขอให้สิ่งที่ดำเนินการเป็นไปตามข้อเท็จจริงเท่านั้น เป็นใช้ได้ ผมเองผมไม่กังวลเลย ผมเลิกเล่นการเมือง ผมก็อยู่บ้านผม อยู่กับภรรยา อยู่กับลูก อยู่กับหลาน ก็มีความสุขดี ไม่มีปัญหาอะไร”
ไม่รับใบสั่ง ต้องมีอำนาจตัดสินใจเอง
ขณะที่ข้อวิจารณ์ ซึ่งเป็นข้อกังวลว่า หากเขาขึ้นมารับไม้ต่อจากนายกฯ แพทองธาร ก็อาจจะเป็นนายกฯ ที่ต้องทำตามใบสั่ง ผู้มีอำนาจเหนือพรรค ประเด็นนี้ ชัยเกษม มีคำตอบว่า
“ผมไม่รู้ว่า ที่บอกว่าใครสั่ง คือใคร ใครที่จะมาสั่งผม แล้วลำบาก ผมมีวุฒิภาวะ มีประสบการณ์ในชีวิตเป็นอัยการสูงสุดมานาน การตัดสินใจของผม มีประสบการณ์ และชี้แจงได้ในทุกเรื่องที่ตัดสินใจ ถ้าผมไปฟังใครมา จะต้องอย่างนี้แล้ว ไม่ได้ มันต้องศึกษา ดูแล้วให้เกิดความชัดเจน ว่าจริงหรือไม่ เพราะว่าเรื่องของบ้านเมืองนั้น การตัดสินใจแต่ละอย่าง มันกระทบหลายอย่างมาก ทำอะไรกระทบต่อบ้านเมือง ต้องคิดให้หนัก” ชัยเกษม ยืนยัน ว่าไม่อาจให้ใครมาชี้นำได้
“ชัยเกษม” ยังย้ำหากสถานการณ์พาให้เขาต้องขึ้นไปสู่ตำแหน่งผู้นำรัฐบาล ก็ต้องมีอำนาจการตัดสินใจอย่างแท้จริง
“อำนาจในการตัดสินใจ แม้มี แล้วผมไปฟังใครมา จะต้องอย่างนี้แล้ว ไม่ได้ มันต้องศึกษา ดูแล้วให้เกิดความชัดเจนว่า จริงไหม เพราะว่าเรื่องของบ้านเมืองนั้น การตัดสินใจ แต่ละอย่างมันกระทบ หลายอย่างมาก ดังนั้น คนที่ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ใช่เป็นผม ใครก็แล้วแต่ ทำอะไรกระทบต่อบ้านเมือง ต้องคิดให้หนัก”
“ถ้าให้เป็นนายกฯ เนื่องจากผมมีประสบการณ์ ผมเห็นอะไรมาเยอะ ผมก็ยังคิดว่า ในบางสถานการณ์นั้น ผมคิดว่าผมจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองนั้นได้ดีกว่า คนที่ทำอยู่อย่างที่ผ่านมา”
รัฐประหารปี 57 ย้ำคำเดิม "ไม่ลาออก"
ย้อนไปเมื่อครั้งเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พ.ค.2557 "ชัยเกษม" คือคนที่ประกาศกลางวงผู้นำเหล่าทัพเรียกคู่ขัดแย้งแต่ละฝ่ายเข้าหารือ ว่ารัฐบาล และนายกฯ รักษาการลาออกจากตำแหน่งไม่ได้
"ผมบอกว่าลาออกไม่ได้" ชัยเกษม พูดถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.
"มันไม่มีเหตุผล การลาออก ต้องมีความเต็มใจคนที่จะลาออก ลาออกไม่ได้บังคับให้ออก นี่เป็นการบีบให้ออก แล้วลาออกจะมีผลดีต่อบ้านเมืองไหม แม้แต่แวบเดียวจะต้องตัดสินใจว่าลาออกแล้วได้อะไร การบังคับให้ลาออก การลาออกเพื่อให้คนหนึ่งขึ้นมาเป็นใหญ่ โดยที่ยังไม่รู้มีความรู้ ความสามารถไหม ไม่รู้บ้านเมืองจะเป็นยังไงต่อไป อาจจะใช้เพียงแต่ว่าถ้าไม่ลาออก ผมอาจจะโดนลากไปทุบแล้วก็ได้ ใช่ไหม ก็ไม่ใช่ ผมไม่เป็นไร"
"ชัยเกษม" ย้อนเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า แม้จะมีเสียงต่อว่าตำหนิเขาก็ตามที่ไม่ตอบรับข้อเสนอให้รัฐบาลลาออก เพื่อแก้วิกฤติความขัดแย้ง หลังจาก "ยิ่งลักษณ์" ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ขณะนั้นรัฐบาลทำหน้าที่เพียงรักษาการเท่านั้น
"บางคนตำหนิผม ว่าผมไม่ลาออก ถึงถูกเขายึดอำนาจ แล้วคิดว่า ถ้าผมลาออก แล้วจะไม่ถูกยึดอำนาจเหรอ คนเรามาตั้งใจจะทำปฏิวัติทำอะไร ไม่ว่าจะพูดยังไง ก็ต้องไปตามทางของเขา เขานัดแนะ รวมหัวรวมพวก ตั้งใจแล้ว แบ่งแยกกันแล้ว คนนั้นจะเป็นนั่น คนนี้จะเป็นนี่ เขาก็ทำจนได้"
"คำพูดของผมที่ไม่ยอมลาออก ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผมเอง ผมเห็นว่าลาออกไม่ได้ เพราะไม่มีเหตุว่า ทำไมผมลาออก ผมจะไม่ลาออก เพราะว่าคุณมาข่มขู่ผม ใช่ไหม"
"ชัยเกษม" ยังระบุถึงความภูมิใจสูงสุดในชีวิตคือ การเป็นอัยการสูงสุด
"เป็นอะไรที่ผมได้ทำในสิ่งที่ผมคิดว่า ทำแล้วดีต่อบ้านเมืองมาโดยตลอด การเป็นอัยการสูงสุดสมัยนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นเรื่องโชค วาสนา ของคนที่อยู่แวดล้อมดูแล้ว ผมสามารถจะเป็นได้ ผมก็เป็น แต่ว่าเป็นแล้ว ได้ทำอะไร จบที่อยากจะทำหรือยัง ยังมีอีกเยอะแยะที่อยากจะทำ แต่ทำไม่ได้หรอก เพราะว่าอัยการสูงสุด ผมทำได้ในขอบข่ายที่ผมดูแลอยู่เท่านั้นเอง"
ทั้งหมดคือตัวตน และความพร้อม ของชายชื่อ “ชัยเกษม” แผนสำรอง - ตัวสำรอง ของ “ตระกูลชินวัตร” หาก “แพทองธาร” ต้องพ้นจากเก้าอี้นายกฯ
พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์