โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ สามัคคีกลุ่มจีน 5 ภาษา ช่วยเหลือจีนยากไร้ในสยาม

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพหว่องห่างเจ๊า เตียเกี้ยงซำ และกอฮุยเจี๊ยะ เจ้าสัวผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลเทียนฟ้าฯ ซึ่งแขวนอยู่ในห้องโถงของศาลเจ้าภายในโรงพยาบาล (ภาพจาก “ประวัติจีนกรุงสยาม A History of the Thai-Chinese” เล่มที่ 3 ยุคก่อร่างสร้างประเทศไทย)

โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ หลักฐานความสามัคคีกลุ่มชาวจีน 5 ภาษา ช่วยเหลือชาวจีนยากไร้ในสยามยุครัชกาลที่ 5

แม้ชาวจีนที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาสร้างตัวในสยามจะมีชีวิตที่สุขสบาย แต่พวกเขาไม่เคยลืมบ้านเกิดเมืองนอน และเมื่อชาวจีนด้วยกันที่อพยพเข้ามาภายหลังประสบความยากลำบาก พวกเขาก็พร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ปรากฏหลักฐานเป็นโรงพยาบาลเก่าแก่ย่านเยาวราช ที่ยืนหยัดผ่านกาลเวลามากว่าร้อยปี

หนังสือ “ประวัติจีนกรุงสยาม A History of the Thai-Chinese” เล่มที่ 3 ยุคก่อร่างสร้างประเทศไทย (สำนักพิมพ์มติชน) โดย เจฟฟรี ซุน และพิมพ์ประไพ พิศาลบุตร หนังสือที่เล่าเรื่องราวของชาวจีนในสยามได้ครบครันมากที่สุดเล่มหนึ่ง กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้ว่า

ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เทียบช่วงเวลาในสยามแล้วอยู่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ผู้คนบนแผ่นดินจีนต่างตกระกำลำบาก วิถีชีวิตความเป็นอยู่ล้วนได้รับผลกระทบจากการแทรกแซงเข้ามาหาผลประโยชน์ของจักรวรรดิต่างชาติผ่านสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ชาวจีนจำนวนมากจึงตัดสินใจอพยพสู่ต่างแดน

การอพยพระลอกนี้ส่งผลให้สังคมจีนโพ้นทะเลดั้งเดิมเปลี่ยนแปลงไป เพราะพวกเขาพกความขมขื่นเกลียดชังต่างชาติออกมาด้วย

ชาวจีนในสยามไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว พ่อค้า แรงงาน และไม่ว่าจะเป็นกลุ่มจีนภาษาใด เมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่เพื่อนร่วมชาติต้องเผชิญในแผ่นดินจีนแล้วต่างก็โกรธเคืองไปด้วย

จุดนี้เองที่ทำให้จากเดิมชาวจีนแต่ละกลุ่มภาษาผูกพันกันเฉพาะพวกของตน ก็เริ่มเกิดการพูดคุยไปในทิศทางเดียวกันว่า “ชาวจีนเอ๋ย จงหยุดชิงดีชิงเด่นแข่งกันหาเงินให้มากขึ้นและมากขึ้น แต่จงรู้จักนำความเจ็บปวดและความทุกข์ของผู้อื่นมาใส่ใจตน”

พ.ศ. 2442 เกิดโรคระบาดในกรุงเทพฯ ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนในชุมชนจีนที่อยู่กันอย่างแออัด แต่คนจีนไม่นิยมเผาศพ เพราะถือว่าร่างกายเป็นของผู้บังเกิดเกล้า ไม่ควรเผาทำลาย ชาวจีนหลายคนจึงร่วมกันบริจาคเงินก่อสร้างสุสานสาธารณะ บางคนบริจาค 1 ตำลึง หรือ 4 บาท บางคนมีฐานะก็บริจาคถึง 50 ชั่ง หรือ 4,000 บาท รวมแล้วมีผู้ร่วมบริจาคเงินกว่า 700 คน

เมื่อรวบรวมเงินได้จำนวนหนึ่งแล้วก็นำไปจัดซื้อที่นาบริเวณตำบลวัดดอน ในอำเภอบ้านทวาย เพื่อทำเป็นป่าช้าจีนสาธารณะ โดยไม่เกี่ยงกลุ่มภาษา ต่างจากป่าช้าจีนเดิมที่บริการเฉพาะคนในกลุ่มภาษาเดียวกัน เช่น ป่าช้ากวางตุ้ง ป่าช้าจีนแคะ

“โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ” สามัคคีกลุ่มจีน 5 ภาษา

พ.ศ. 2446 ผู้นำชุมชนจีนต่างกลุ่มภาษาในสยาม จำนวน 6 คน ได้ร่วมมือกันระดมทุนจัดซื้อที่ดิน เพื่อสร้าง โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ ในย่านเยาวราช มีจุดมุ่งหมายคือช่วยเหลือเพื่อนชาวจีนอพยพผู้ยากไร้ ที่เดินทางเข้ามาหางานทำในสยาม ด้วยสำนึกในอัตลักษณ์ “จีนช่วยจีน”

ชาวจีนโพ้นทะเลทั้ง 6 คน ประกอบด้วย

เล้ากี้ปิง หรือพระยาภักดีภัทรากร (โอ่วจิว อุทกภาชน์) ชาวแต้จิ๋ว

อึ้งเมี่ยวเหงี่ยน เจ้าสัวค้าไม้ผู้ใจบุญชาวจีนแคะ บรรพบุรุษตระกูล “ล่ำซำ” มหาเศรษฐีหมื่นล้านของเมืองไทย

เตียเกี้ยงซำ หรือพระโสภณเพชรรัตน์ ชาวจีนแต้จิ๋ว บุตรของเตียอูเต็ง (อากรเต็ง)

หว่องห่างเจ๊า (เฮ้งเฮ่งจิว) ชาวจีนกวางตุ้ง

กอฮุยเจี๊ยะ ชาวจีนแต้จิ๋ว บุตรของกอม้าหัว เจ้าสัวโรงสีข้าวรายใหญ่

เล้าชองมิ้น ชาวจีนฮกเกี้ยน ผู้ชื่อไทยคือ มิ้น เลาหเศรษฐี ภายหลังได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาโชฎึกราชเศรษฐี

เจ้าสัวทั้ง 6 บริจาคทรัพย์ส่วนตัวและเรี่ยไรจากชุมชนชาวจีนในสยาม ทั้งกลุ่มจีนแต้จิ๋ว จีนแคะ จีนกวางตุ้ง จีนไหหลำ และจีนฮกเกี้ยน เพื่อใช้ก่อสร้างโรงพยาบาล โดยใช้เงินทั้งสิ้นราว 160,000 บาท กระทั่งแล้วเสร็จในอีก 2 ปีถัดมา คือ พ.ศ. 2448

หนึ่งในจุดเด่นของโรงพยาบาลแห่งนี้คือ ตรงซุ้มประตูมีป้ายคติพจน์ขนาดใหญ่เขียนว่า “ใส่ใจ จดจำความเจ็บปวด ทรมานของผู้อื่น” แสดงให้เห็นถึงความเอื้ออาทรของชาวจีนในพระนคร ที่มีต่อเพื่อนร่วมเชื้อชาติผู้หนีร้อนมาพึ่งเย็น

รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชุมชนชาวจีนในสยามอย่างยิ่ง พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2448 และในวันนั้นทรงบริจาคเงินให้โรงพยาบาลจำนวน 8,000 บาท อีกด้วย

โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2448 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 5 และยังคงดำเนินงานมาถึงปัจจุบัน โดยมีชาวไทยเชื้อสายจีนให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

อ้างอิง :

พิมพ์ประไพ พิศาลบุตร, สมชาย จิว และนิรันดร นาคสุริยันต์ แปลและเรียบเรียง. ประวัติศาสตร์จีนกรุงสยาม เล่มที่ 3 ยุคก่อร่างสร้างประเทศไทย. กรุงเทพฯ: มติชน, 2568

สั่งซื้อหนังสือชุดนี้ที่เว็บไซต์สำนักพิมพ์มติชน ได้ที่นี่

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 8 กรกฎาคม 2568

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ สามัคคีกลุ่มจีน 5 ภาษา ช่วยเหลือจีนยากไร้ในสยาม

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ศิลปวัฒนธรรม

พระราชานุกิจ รัชกาลที่ 5 แต่ละวันทรงทำอะไรบ้าง?

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

มหาอำนาจจีน “เรียนภาษาไทย” ไปทำไม ตั้งแต่เมื่อ 400 กว่าปีก่อน

11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

พูดกันมากแล้ว “ปฏิวัติการศึกษา” แต่ไม่มีใครคิด เรื่อง โรงเรียน “มัธยมปลายอุตสาหกรรมเฉพาะ”

ไทยพับลิก้า

วอนช่วยเหลือหนุ่มป่วยโรคอ้วน หนักเกือบ 200 กก.ลุกเดินไม่ได้

เดลินิวส์

UN เตือนการเลื่อนกำหนดภาษีของทรัมป์ทำให้ความไม่แน่นอนด้านการค้าทวีความรุนแรงมากขึ้น

JS100

สภาพอากาศวันนี้ -14 ก.ค.ไทยฝนฉ่ำ ฝนตกหนักบางแห่ง คลื่นสูง 1-2 เมตร

ฐานเศรษฐกิจ

หนุ่มสุรินทร์ขับขี่รถจักรยานยนต์ พุ่งเข้ากลางลำรถเทรลเลอร์ เสียชีวิตกลางถนนเมืองใหม่ จ.ชลบุรี

สวพ.FM91

เครื่องกรองน้ำยี่ห้อดัง แจงปมสงสัย ประสิทธิภาพระบบกรอง RO

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

จดหมายแจ้งภาษีทรัมป์ถึง “ไทย” ว่อนโซเชียล นักวิเคราะห์เตือน ถ้าทีมไทยแลนด์เจรจาล้มเหลว เตรียมเดินหน้าเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอย

Manager Online

‘พิชัย’ ลั่นยังมีเวลาถึง 1 ส.ค. โน้มน้าวสหรัฐทบทวนเก็บภาษีสินค้าไทย

The Bangkok Insight

ข่าวและบทความยอดนิยม

โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ สามัคคีกลุ่มจีน 5 ภาษา ช่วยเหลือจีนยากไร้ในสยาม

ศิลปวัฒนธรรม

มหาอำนาจจีน “เรียนภาษาไทย” ไปทำไม ตั้งแต่เมื่อ 400 กว่าปีก่อน

ศิลปวัฒนธรรม

ไข้ทรพิษ (ฝีดาษ) โรคห่าอันแท้จริงของประเทศสยาม ระบาดทุกปีไม่มีเว้น

ศิลปวัฒนธรรม
ดูเพิ่ม
Loading...