โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เส้นทาง 45 ปี ‘กะตะกรุ๊ป’ จากบังกะโลไม้ไผ่ สู่ ‘โรงแรมยั่งยืน’

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จากบังกะโลไม้ไผ่เพียง 9 หลังบนชายหาดกะตะ สู่การเป็นรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ที่มุ่งไปสู่การดำเนินธุรกิจบน “ความยั่งยืน” และกำลังมีหมุดหมายใหม่ในการมุ่งเป็น “แบรนด์อินเตอร์เนชันแนล” สำหรับ “กะตะกรุ๊ป รีสอร์ท ประเทศไทย” และ “บียอนด์ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท”

นี่คือคำบอกเล่าอย่างภาคภูมิใจของ “ประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย” ประธานกรรมการบริหาร กะตะกรุ๊ป รีสอร์ท ประเทศไทย และบียอนด์ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ที่เล่าให้สื่อมวลชนฟังบนเวที SCB LIVE SUSTAINABLY IN PHUKET Our Commitment to Sustainable Hotels ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ และ “หยี่เต้ง ฮอสพิทาลิตี้ ในการช่วยเปลี่ยนผ่านโรงแรมภูเก็ตไปสู่ที่หมายท่องเที่ยวยั่งยืนระดับสากล

“ประมุข” เล่าให้ฟังถึง จุดเริ่มต้นของ “กะตะกรุ๊ป” ก่อนที่จะเป็นโรงแรมแห่งความยั่งยืนเช่นวันนี้ ถือว่าไม่ง่าย และน่าสนใจอย่างมาก จากเรื่องเล่าของ “ประมุข”

  • จุดเริ่มต้นจากศูนย์ สู่เครือโรงแรม 9 แห่ง

“เครือกะตะกรุ๊ป”เริ่มต้นเมื่อปี 2523 ตอนนั้น เขาฉายให้เห็นว่า “เรา” ยังไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจโรงแรมเลย เพียงแต่ตนเป็นคนชอบศึกษา ชอบท่องเที่ยว ดังนั้นจุดเริ่มต้นใน 8 ปีแรกที่เริ่มทำธุรกิจ เขาเริ่มต้นจากเพียงการ “บังกะโลไม้ไผ่ 9 หลัง”เล็กๆ จากนั้นค่อยๆ ขยายเป็น 80 หลัง โดยไม่ได้ใช้เงินกู้ธนาคารเลย

ช่วงแรกของธุรกิจเป็นเพียงกระต๊อบไม้ไผ่บนพื้นที่เช่าริมหาดกะตะ สิ่งที่โดดเด่น และเรียกว่าเป็นเสน่ห์ของ “กะตะกรุ๊ป” เฉกเช่นทุกวันนี้คือ การได้รับการร่วมไม้ร่วมมือจาก “ชาวบ้าน”หรือชุมชน แรงจากคนในชุมชนมาช่วยกันก่อสร้าง ออกแบบและสร้างด้วยแนวคิดที่ทำเองทุกอย่าง ความสัมพันธ์กับคนในพื้นที่ จึงแน่นแฟ้นตั้งแต่วันแรกที่เริ่มธุรกิจ

และจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ คุณเล็ก-เพิ่มพูน ไกรฤกษ์ ผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ มาเยี่ยมที่พักในช่วงที่ธุรกิจยังเป็นบังกะโล และได้ชักชวนให้ “กะตะกรุ๊ป” เป็นลูกค้าของธนาคารไทยพาณิชย์

แม้ตอนนั้นประมุขยังตอบปฏิเสธเพราะไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน แต่ได้วางเงื่อนไขว่า “ถ้าวันไหนผมซื้อที่ดินได้ ช่วยสนับสนุนผมด้วย” และนี่คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ยาวนานเกือบ 40 ปี

“ประมาณ 30 ปีก่อน ผมตัดสินใจซื้อที่ดินที่นี่ ราคาสูงถึง 68 ล้านบาท ซึ่งถือว่าแพงมากในสมัยนั้น แต่ไทยพาณิชย์กล้าสนับสนุนเต็มที่ หลังได้ที่ดิน เรารื้อทุกอย่าง สร้างอาคารโรงแรมใหม่ ใช้เงินลงทุนหลายร้อยล้าน และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เรามีโรงแรม 9 แห่ง

  • แตกต่าง แต่ครอบคลุมลูกค้าหลายกลุ่ม

ในมุมของ “ประมุข” เขามองว่า สำหรับตลาดภูเก็ตถือเป็นตลาดการท่องเที่ยวที่มีการแข่งขันสูง การยืนอยู่ได้ ต้องคิดไปข้างหน้าเสมอ ดังนั้นโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ปจึงมีคอนเซ็ปต์แตกต่างกันเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าอย่างหลากหลาย

เช่นโรงแรมที่เขาหลักและกะรนเป็น Adults Only ไม่รับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะเดียวกันเราก็มีโรงแรมที่เน้นครอบครัวอย่าง ภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ท และประมุขโก้ ซึ่งมีสวนน้ำขนาดใหญ่กว่า 500 ห้อง ทำขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มาเป็นครอบครัวใหญ่ โดยเฉพาะตลาดสแกนดิเนเวียและจีนที่มาเที่ยวกันทั้งครอบครัว

นอกจากนี้ยังมีโรงแรมสำหรับหนุ่มสาวและนักท่องเที่ยวที่ต้องการความคุ้มค่า เช่น ประมุขโก้ ที่ราคาเฉลี่ยเพียง 3,000 บาทต่อคืน ลูกค้าสามารถใช้สวนน้ำได้โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ทำให้โรงแรมสามารถแข่งขันในตลาดได้แม้ในช่วงเศรษฐกิจผันผวน
พลังงานสะอาดลดต้นทุนมหาศาล
ในด้านการขับเคลื่อนธุรกิจของ

“ประมุข” เขาเน้นการดำเนินธุรกิจผ่านความยั่งยืนเป็นหลัก และมองว่าความยั่งยืนไม่ใช่แค่แนวคิดใหม่ แต่เป็นสิ่งที่ทำมาตั้งแต่ต้น ทั้งที่ที่ Beyond Kata ที่มีการออกแบบโถงกลางให้เป็น Atrium ขนาดใหญ่โดยไม่ติดแอร์ ทำให้ประหยัดค่าไฟได้เดือนละ 145,000 บาท และตอนนี้มีการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงแรม ลดค่าไฟเพิ่มอีกเดือนละกว่า 400,000 บาท

นอกจากพลังงานสะอาด ยังลงทุนระบบบำบัดน้ำเสียในโรงแรมเพื่อป้องกันการปล่อยน้ำลงทะเล นี่คือตัวอย่างการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเขาเชื่อว่า มันเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ทุกคน ที่ต้องตระหนักมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืน

เครือกะตะกรุ๊ป รีสอร์ท มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนและจริงจัง โดยยึดหลัก “ไม่เพียงแค่ที่พักดี” แต่เรามุ่งมั่นสร้างโลกที่ดีกว่า” ซึ่งสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อธรรมชาติและสังคมในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจทุกมิติ ทั้งลดการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำและไฟฟ้า พร้อมส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน การส่งเสริมการ “ลดใช้ นำกลับมาใช้ซ้ำ และรีไซเคิล” ทั้งในหมู่พนักงานและผู้เข้าพัก

รวมไปถึงการจัดการขยะและมลพิษอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น มลพิษทางอากาศ เสียง และน้ำเสีย และอนุรักษ์พืชพรรณ สัตว์ป่า และระบบนิเวศท้องถิ่น รวมถึงวิถีชีวิตของชุมชน

และยังเป็นหลักสำคัญ ในการทำหน้าที่ “สื่อสาร” และสร้างความร่วมมือกับชุมชนและองค์กรต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมากขึ้น

ไม่แปลกที่วันนี้ รีสอร์ทในเครือได้รับรางวัล “Green Hotel” ระดับ Gold Class จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เหล่านี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

  • SCB คู่คิดตลอด 40 ปี แค่สบตาก็รู้ใจ

ตลอดเส้นทางกว่า 45 ปี กะตะกรุ๊ปต้องเผชิญหลายวิกฤติ ตั้งแต่ Y2K สึนามิ จนถึงโควิด-19 ซึ่งครั้งหลังถือว่าหนักที่สุด แต่สึนามิไม่ห่วงมาก เพราะเขาใช้เวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้นในการพลิกฟื้นและทำให้ลูกค้า นักท่องเที่ยวกลับมาได้

โดยการใช้กลยุทธ์ลดราคาเต็มที่เพื่อดึงลูกค้า ส่วนโควิดยาวนานกว่า 2 ปี เป็นบททดสอบที่โหดที่สุด แต่ “ธุรกิจก็รอดมาได้”เพราะมีพันธมิตรและการช่วยเหลือที่ดีจากหลายฝ่าย

การดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้นั้น หนึ่งในนั้นที่ต้องมีคือ “พันธมิตรที่ดี” และ “ธนาคารไทยพาณิชย์” ก็คือพันธมิตรที่ดีมาต่อเนื่องยาวนานถึง 40 ปี

ทำให้ความสัมพันธ์กับไทยพาณิชย์วันนี้ เขาเปรียบเหมือน”หมอกับคนไข้” แค่เห็นหน้าก็รู้ว่าเราเป็นอะไร ต้องรักษายังไง ทุกครั้งที่เรามีปัญหา ธนาคารช่วยแก้ไขทันที จนทำให้เราก้าวต่อได้อย่างมั่นคง

“ล่าสุดผมยังอยู่ระหว่างมองหาโรงแรมในเครือ International chain อยู่ 2-3 แห่ง เพียงแค่พูดแผนงานกับพนักงาน SCB ไม่นานเขาก็แจ้งกลับมาว่าตั้งงบสนับสนุนไว้ให้ 3,000 ล้านบาท นี่ยิ่งตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานจนไม่ต้องอธิบายมาก”

  • เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างยั่งยืน

สำหรับอนาคตของภูเก็ต “ประมุข” มองว่าภาคเอกชนทำได้ดีและมีศักยภาพสูง แต่สิ่งที่กังวลคือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ แต่สิ่งที่สำคัญเราต้องเร่งแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม น้ำเสียลงทะเล การเผาป่า ควันดำ PM2.5 และต้องลงทุนระบบสาธารณูปโภคอย่างจริงจัง ไม่ใช่มาหาเราเฉพาะเวลาที่เศรษฐกิจแย่ แต่ลืมพัฒนาในวันที่เศรษฐกิจดี ภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ รัฐบาลต้องจริงจังและลงมือทันที

สุดท้ายแล้ว “ประมุข”ปิดท้ายว่า จากบังกะโลไม้ไผ่ 9 หลัง สู่เครือโรงแรม 9 แห่ง จากเริ่มต้นธุรกิจด้วยค่าที่พักเพียง 40 บาทต่อคืน มาสู่กิจการที่มั่นคงกว่า 45 ปี จนกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มโรงแรมชั้นนำของภาคใต้ของไทย บริหารงานโดยคนไทยที่ปัจจุบัน กะตะกรุ๊ป มีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือกว่า 9 แห่งใน 4 จังหวัดภาคใต้ รวมกว่า 2,200 ห้องพัก ตั้งอยู่ในทำเลท่องเที่ยวยอดนิยมของไทย ติด“TOP 3” ของกลุ่มโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักมากที่สุดในฝั่งทะเล“อันดามัน”

เส้นทางทั้งหมดนี้ของ “กะตะกรุ๊ป” ไม่ได้เดินทางด้วยโชค แต่เกิดจากการคิดล่วงหน้า ลงมือทำจริง สร้างพันธมิตรที่มั่นคง และยึดมั่นในแนวคิดความยั่งยืน ดังนั้นหากมองไปข้างหน้า เขาเองก็คาดหวังว่า จะเห็นการขยายธุรกิจสู่ระดับสากล และเขาเองต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในทุกมิติ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

'กมธ.งบฯ' ค้าน 'สภาฯ' ของบ 177 ล้าน สร้างห้องประชุมให้ ครม.

29 นาทีที่แล้ว

แฮกเกอร์ป่วนหนัก! ไตรมาสเดียวเจาะเซิร์ฟเวอร์ในไทยทะลุ 2 แสนครั้ง

32 นาทีที่แล้ว

'บิ๊ก' เป็นเหตุ ทบ.ขออย่าใช้เรียก 'ผู้บังคับบัญชา' ถูกมองแง่ลบ เป็นคนใหญ่โต

33 นาทีที่แล้ว

‘รัฐบาล’ ลั่น จะตอบโต้ผู้ล้ำอธิปไตย ยัน ไม่ยอม วางทุ่นระเบิดใหม่

38 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

“POP MART บุกสยามเซ็นเตอร์ เปิดสาขาใหม่เต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัว MEGA SPACE MOLLY 400% ‘Mango Sticky Rice’ ครั้งแรกในโลก

สยามรัฐ

สถานทูตเปรู จับมือ สยามพิวรรธน์ เชิญชมการแสดงวัฒนธรรม ‘Peruvian Traditional Dance’ ฟรี! 23 ก.ค.นี้

สยามรัฐ

PUN ชวน 1MILL ถ่ายทอดความไม่สมบูรณ์แบบแต่ลงตัวผ่านซิงเกิลใหม่ Perfect

THE STANDARD

ห๊ะ ! Mango Zero เนี่ยะน๊ะห์ เขาออกจะน่ารักใสๆ อ่ะแก เขาจะเปิดรับ “Video Editor” คนใหม่มาร่วมทีม 1 ตำแหน่ง ได้ยังไง

Mango Zero

อนุสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ สะสม ผลิต ถ่ายโอน "ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล"

Thai PBS

“สุนทรภู่” กวีมีชื่อยุคต้นรัตนโกสินทร์ มีภรรยา-ลูก กี่คน?

ศิลปวัฒนธรรม

วางลิ้นให้ถูกต้อง เคล็ดลับสุขภาพและบุคลิกภาพที่คุณอาจไม่เคยรู้!

sanook.com

รวมเคล็ดลับลดความมันบนใบหน้า สำหรับสาวผิวมัน

sanook.com

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...