จรรยาบรรณ! 3หมอ รพ.ตำรวจ แจงศาลปม ‘ทักษิณ’ ชั้น 14 ชี้เหตุ ‘กักโควิด’
เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน ศาลนัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 กรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 5 โดยช่วงเช้าจะเป็นการไต่สวนกลุ่มแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ 3 ปาก ได้แก่ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. อดีตแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ, พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ (สบ 8), พ.ต.อ.ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) แพทย์เวรรับตัวนายทักษิณ
ทั้งนี้ส่วนพยานที่ 1-2 เบิกความในทางเดียวกันว่าห้องพักชั้น 14 มีผู้ป่วยมาพักก่อนหน้าอยู่แล้ว เพราะเป็นช่วงที่โรงพยาบาลทำการกักตัวผู้ป่วยโควิด ไม่ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน ทำให้ต้องใช้ห้องพักผู้ป่วยทุกห้อง และเคยมีผู้ต้องขังมาพักรักษาที่ชั้น 14 นี้เช่นกัน นอกจากนี้ศาลได้มีการสอบถามถึงรายละเอียดใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล ค่ายา ค่าห้องพักของจำเลยทั้งหมด 27 ฉบับ ในส่วนนี้ศาลสอบถามไปถึงการใช้ยานอกบัญชีโรงพยาบาลของจำเลยเพื่อใช้รักษาอาการป่วยด้วย
โดยพยานรายที่ 3 ที่เป็นแพทย์ผู้ทำการรักษาเบิกความถึงอาการในช่วงเข้ารับการรักษาของนายทักษิณ โดยพยานได้มีการโทรศัพท์ปรึกษาเกี่ยวกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคทางหัวใจ โดยระหว่างการรักษาตัว นายทักษิณมีอาการป่วยด้วยโรคอื่น แพทย์แนะนำให้ผ่าตัด แต่นายทักษิณ ปฏิเสธการผ่าตัด ทั้งนี้ แพทย์ยืนยันว่า ให้การรักษาตามจรรยาบรรณของแพทย์ ไม่รู้เกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับการส่งตัวหรือการส่งกลับผู้ป่วยที่มาจากเรือนจำ ทั้งนี้พยานรายที่ 3 ยังเบิกความอีกว่าพอรักษาไประยะหนึ่งแล้ว อาการไม่ถึงขั้นวิกฤติ ถ้าเป็นความเห็นส่วนตัวสามารถส่งกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ และเบิกความอีกว่าเคยเห็นนายทักษิณ ไปนั่งที่โซฟาภายในห้องพักด้วย
บรรยากาศในห้องพิจารณา เริ่มพิจารณา พยานคนที่ 1-2 ไต่สวนเวลาประมาณคนละ 1 ชั่วโมง ส่วนคนที่ 3 ทางศาลไต่สวนเป็นเวลานานเพราะมีการรักษาพบเจอนายทักษิณค่อนข้างบ่อย จนในช่วงท้ายๆ พยานคนที่ 3 ร้องไห้ออกมาด้วยความกดดัน และขอหยุดตอบเป็นระยะ จนเจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาให้น้ำเปล่าดื่ม
ช่วงบ่ายจะสืบพยานต่ออีก 3 ปาก พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ รอง พตร., พล.ต.ต.ศุภฤกษ์ พัฒนปรีชากุล นายแพทย์ (สบ 7), พล.ต.ท.สุรพล เกษประยูร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามสำหรับการไต่สวนครั้งนี้ ศาลยังอนุญาตให้ผู้ที่สนใจรวมทั้งสื่อมวลชนเข้ารับฟัง แต่ไม่อนุญาตให้จดบันทึกคำเบิกความของพยานบุคคลและพยานเอกสาร โดยให้ฟังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และห้ามนำรายละเอียดไปโฆษณาคำเบิกความพยานบุคคลและพยานเอกสารที่ศาลไต่สวน เนื่องจากจะกระทบต่อข้อมูลส่วนบุคคล กำชับให้ทำตามอย่างเคร่งครัด