ดาวโจนส์ปิดบวก 179.37 จุด นักลงทุนรอดูผลประกอบการ-ผลเจรจาการค้า
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (22 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ขยับขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ และยังคงติดตามความความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่ค้า
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,502.44 จุด เพิ่มขึ้น 179.37 จุด หรือ +0.40%, และ
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,309.62 จุด เพิ่มขึ้น 4.02 จุด หรือ +0.06%
- ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,892.68 จุด ลดลง 81.49 จุด หรือ -0.39%
นักวิเคราะห์ ระบุว่า ที่ผ่านมามุมมองบวกเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นปัจจัยหนุนหุ้นบริษัทที่มีมูลค่าสูงในตลาด และช่วยให้ดัชนี S&P500 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้ง ส่วนในขณะนี้ ตลาดอยู่ในโหมดรอดูสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำหนดเส้นตายการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราใหม่ของสหรัฐฯ ในวันที่ 1 ส.ค. และรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือกลุ่ม Magnificent Seven ในสัปดาห์นี้
นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับฟิลิปปินส์แล้ว โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากฟิลิปปินส์ในอัตรา 19% หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ขู่เรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% ขณะที่ฟิลิปปินส์จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 0% และจะเปิดตลาดเสรีให้กับสินค้าจากสหรัฐฯ
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า จะพบปะกับรัฐมนตรีคลังของจีนที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายกำหนดเส้นตายการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีน จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 12 ส.ค. เพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯ และจีนยังคงทำการเจรจาข้อตกลงการค้าต่อไป
อย่างไรก็ดี การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ยังคงไม่คืบหน้า โดยรายงานระบุว่าคณะผู้เจรจาการค้าของอินเดียได้เดินทางกลับกรุงนิวเดลีแล้ว หลังใช้เวลาเจรจาเกือบหนึ่งสัปดาห์ในวอชิงตัน และแทบไม่มีความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถลงนามข้อตกลงการค้าได้ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 ส.ค.
ขณะที่เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (EU) กำลังพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้สหรัฐฯ หากการเจรจาทางการค้าไม่เป็นผลสำเร็จภายในวันที่ 1 ส.ค. และรัฐบาลทรัมป์เดินหน้าตามคำขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 30%