นักวิชาการมอง 'พชร' ปลัดดีอีป้ายแดง พร้อมลุยมาตรการเงินดิจิทัล
ในที่สุดมติ ครม.ในวันอังคารที่ 19 สิงหาคม 2568 อนุมัติแต่งตั้งนายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน. นั่งตำแหน่ง ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 แทนตำแหน่งนายวิศิษฐ์ วิศิษฐ์สรออรถ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2568 นี้
ล่าสุด ดร.มนต์ศักดิ์ โซ่เจริญธรรม ที่ปรึกษาศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัลอัจฉริยะ พระจอมเกล้าลาดกระบัง แสดงความคิดเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ในเรื่องการแต่งตั้งว่าที่ปลัดดีอี คนใหม่ ว่า คุณสมบัติของ พชร อนันตศิลป์ ผ่านตำแหน่งสำคัญในกระทรวงการคลัง มาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.), อธิบดีกรมธนารักษ์, อธิบดีกรมสรรพสามิต และ ล่าสุด อธิบดีกรมศุลกากร มีความเข้าใจเรื่องทางการเงินการคลังของประเทศเป็นอย่างดี ทั้งด้านการหาเงิน (ภาษี), การบริหารเงิน (บัญชีกลาง), และ การกู้เงิน (หนี้สาธารณะ)
นอกจากนี้แล้วยังเข้าใจข้อจำกัดทางการคลัง เช่น การผลักดันโครงการที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลกว่า 5 แสนล้านบาทอย่าง "เงินดิจิทัล" จำเป็นต้องมีคนที่เข้าใจโครงสร้างหนี้สาธารณะและวินัยการเงินการคลังเป็นอย่างดี เพื่อหาช่องทางและแหล่งเงินทุนที่จะไม่สร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพของประเทศมากเกินไป
ทำไมต้องเป็น "ปลัดกระทรวงดีอี" (DE)?
ดร.มนต์ศักดิ์ กล่าวว่า นโยบายการคลังที่ต้องส่งผ่านเทคโนโลยี นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่ใช่แค่เรื่อง "การหาเงิน" แต่หัวใจสำคัญคือ "การนำส่งเงิน" ให้ถึงมือประชาชนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งเป็นภารกิจหลักของกระทรวงดีอี
ลดรอยต่อระหว่างกระทรวง
ดร.มนต์ศักดิ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การนำคนจาก "กระทรวงการคลัง" ที่เข้าใจเรื่องเงิน มาคุม "กระทรวงดีอี" ที่ดูแลเรื่องเทคโนโลยี ก็เพื่อทำให้การประสานงานระหว่าง 2 กระทรวงนี้ไร้รอยต่อ สามารถผลักดันโครงการให้เกิดขึ้นจริงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาคอขวดที่อาจเกิดขึ้นได้
การผลักดัน Stable Coin
ระยะสั้น มีความเป็นไปได้สูงว่ารัฐบาลจะเลือกใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิม เช่น แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" (หรืออื่น ๆ) เพื่อความรวดเร็วในการ implement และลดแรงต้านจากหน่วยงานกำกับดูแลอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ระยะยาว Stable Coin ที่หนุนหลังด้วยเงินบาทนั้นเป็นภาพที่น่าสนใจมาก การมีคนที่เข้าใจโครงสร้างการเงินของประเทศมาดูแลกระทรวงดีอี อาจเป็นการวางรากฐานไปสู่การพัฒนาระบบเงินบาทดิจิทัล (CBDC) หรือ Stable Coin ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนในอนาคต ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าธุรกรรมการเงินของประเทศไปเลยก็ว่าได้.