กำไร ‘โตโยต้า’ ร่วงแรง 36.9% เซ่นพิษภาษีนำเข้ารถยนต์ทรัมป์
สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี 68 ในเดือนเม.ย.-มิ.ย. ว่า “บริษัทโตโยต้า มอเตอร์” รายงานกำไร 5,700 ล้านดอลลาร์ ลดลง 36.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบจากภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ในเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ โตโยต้าได้ตัดสินใจปรับลดประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2569 ลงเหลือ 2.6 ล้านล้านเยน ซึ่งถือเป็นการลดลงถึง 44.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การปรับลดครั้งนี้เกิดจากการที่บริษัทได้รวมผลกระทบจากมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐเข้าไปในการคำนวณด้วย
อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนที่ผ่านมาทางรัฐบาลสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าที่จะลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นลงโดยมีผลทำให้ภาษีลดลงจาก 27.5% เหลือเพียง 15% แต่บริษัทก็คาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบจากภาษีดังกล่าว 1.4 ล้านล้านเยน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 1.2 ล้านล้านเยน
ยอดขายในอเมริกาแข็งแกร่ง
ตลาดอเมริกาเหนือและสหรัฐถือเป็นตลาดที่สำคัญที่สุด โดยคิดเป็นสัดส่วนยอดขายถึงประมาณ 29% ของยอดขายรถยนต์ทั่วโลกทั้งหมดในปีงบประมาณที่ผ่านมา ที่สิ้นสุดในเดือนมี.ค.67
รวมทั้ง โตโยต้ากลับมียอดขายที่แข็งแกร่งในสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถยนต์ไฮบริดรุ่นยอดนิยมอย่าง Camry และ Sienna ซึ่งยอดขายในช่วงไตรมาส 2 ก็สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด แม้จะมีการขึ้นภาษีนำเข้าจาก 2.5% เป็น 25% ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.เป็นต้นมา
นอกจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นแล้ว โตโยต้ายังเพิ่มการส่งออกรถยนต์จากญี่ปุ่นไปยังสหรัฐ โดยในเดือนพ.ค.มีการส่งออกรถยนต์ถึง 41,573 คัน เพิ่มขึ้น 22.9% และในเดือนมิ.ย.ก็ส่งออกได้ 52,745 คัน เพิ่มขึ้น 15.9%
เพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้า ในเดือนมิ.ย.โตโยต้าได้ประกาศ ขึ้นราคารถยนต์ในสหรัฐโดยเฉลี่ย 270 ดอลลาร์ต่อคัน สำหรับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าที่ผลิตตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป เพื่อชดเชยผลกระทบดังกล่าว