"นันทเดช" ชี้ชัด! ทหารไทยยึดคืน 11 จุด แต่การเจรจาครั้งใหม่ต้องไม่เสียเปรียบเหมือนเดิม

วันที่ 30 ก.ค.68 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ระบุว่า…

รบชนะ แต่การเจรจาต้องไม่เสียเปรียบแบบเดิมอีก

เที่ยงคืนเมื่อวานนี้ผ่านไป ทหารไทยก็สามารถ ยึดพื้นที่ในตามขอบเขตของ แผนที่ มาตรา 1:50,000 ได้ครบถ้วนจำนวน 11 จุด ซึ่งตามเงื่อนไขเวลาที่ตกลงกันมาแล้ว ที่ทั้งฝ่ายไทย และ กัมพูชา ต้องหยุดยิงอย่างเด็ดขาดหลังเวลา 24.00 น. แต่ก็เป็นไปตามฟอร์ม หลังเวลาดังกล่าว ทหารกัมพูชาก็ยังละเมิดข้อตกลง แอบยิงทหารไทยอยู่เช่นเดิม พอตอนเช้า อีช่อมาลี โฆษก กลาโหมกัมพูชา ก็ออกมาพูดโกหกหน้าตาเฉย ว่า “หยุดยิงเรียบร้อยทั้งหมด” ก็หวังว่าคืนนี้คงหยุดยิงได้จริงๆ ซะที

พื้นที่ทั้ง 11 จุดที่ไทยยึดได้นั้น เป็นพื้นที่ของไทยทั้งสิ้น เกือบครึ่งหนึ่งเสียไปในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะตอนนั้นคนไทย หันไปสนใจเรื่อง “ข้าวเน่า“ ต่อเนื่องมาจาก น้ำท่วมใหญ่ที่สุด เท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา พอมาถึงรัฐบาล ลุงตู่ ก็ไม่ได้ทำอะไร จนฮุนเซนได้ใจ จะรุกเอาเพิ่มอีกในช่วงของรัฐบาลเครือข่ายทักษิณ โดยเริ่มหนักมากจาก การพยายามขอแบ่งผลประโยชน์ฝ่ายละ50% จากทรัพยากรในน่านน้ำเกาะกูด ซึ่งฝ่ายรัฐบาลก็ดันเห็นชอบด้วย แต่จังหวะไม่ดี ที่มันจะเอามากเกินไป ทั้งๆที่ทรัพยากรดังกล่าวอยู่ในน่านน้ำไทย 100% คนไทยเลยตื่นตัวออกมาคัดค้าน อย่างต่อเนื่อง

วันนี้พื้นที่ของไทยที่ยึดคืนมาได้นั้น ทหารได้เริ่มปรับปรุงให้กลับไปอยู่ในรูปแบบเดิม เช่น การล้อมรั้วชั่วคราว ตามแนวปราสาทตาเมือนธม ให้กลับไปมีสภาพตามเดิม การรื้อถอนกระเช้าและทางขึ้นที่ภูมะเขือ การรื้อถอนที่พักถาวร บ้านเรือนของชาวกัมพูชา ที่แอบขึ้นมาสร้าง และการทำลายคลังอาวุธ อีกหลายแห่ง ฯลฯ

การเจรจาขั้นต่อไป ก็หวังว่าทางรัฐบาล คงเข้าใจได้ดีว่า “ทหารไทย คงถอยออกจากพื้นที่เหล่านี้ไม่ได้อีกแล้ว” เพราะแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต ถ้าจะให้ถอยจริงๆ นอกจากทหารไม่ยอมแล้ว ประชาชนก็คงไม่ยอมแน่นอน เพราะความสูญเสียนั้น มากเกินที่จะคิด