เปิดโผ 8 หุ้นปันผลสูง มากสุด 11%
บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า สัญญาณตลาดหุ้นผ่อนคลายขึ้น จากบ่วง 4 สงคราม : ตะวันออกกลาง, ภาษีตอบโต้, เขมร, การเมือง ที่เบาลง หนุน ให้ SET ทยอยฟื้น ถึง 7 ใน 8 วันทำการที่ผ่านมา ผิดกับช่วงก่อนที่ปิดแดงเกือบทุกวัน อีกทั้งหุ้นใน SET100 ไม่มีตัวไหนทำจุดต่ำสุดใหม่ของปีนี้ สะท้อนจากผลตอบแทนจากจุดต่ำสุดปีนี้ถึงล่าสุดเป็นบวกหมด คาด เกิด MOMENTUM ผลักดัน SET ขึ้นต่อ
ภาวะแบบนี้ เม็ดเงินที่เคยกระจุกตัวอยู่ในตลาดตราสารหนี้ไทยมากเกินไปในช่วง 1- 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสกระจายกลับมาที่หล่อเลี้ยงตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นได้ อีกทั้ง ณ SET ระดับ 1115 จุด มี MARKET EARNING YIELD GAP สูงถึง 6.25% และมี DIVIDEND YIELD GAP สูงเกือบ 3% แนะนำหุ้นปันผลสูงที่เริ่มฟื้นตัว อย่าง SIRI
DIVIDEND YIELD 11%, ITC 9%, M 9%, AP 8.9%, LH 8.8%, KKP 8.4%, TU 7%, KTC 5%
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.68 – ปัจจุบัน SET INDEX ปรับตัวลงมาเกิน 10% หรือ 100 จุด จากหลายปัจจัยลบทั้งนอก และในประเทศอาทิ สงครามตะวันออกกลาง, TRADE TARIFF 2.0, นิติสงครามการเมืองไทย เป็นต้น ซึ่งล่าสุด กกร.ไม่เห็นด้วยกับ ธปท.ที่ประเมินเศรษฐกิจไทยช่วง 2H68 ฟื้นตัวมากไป โดย กกร. คาด GDP GROWTH ปีนี้อยู่ในช่วง 1.5–2.0% เท่านั้น ซึ่งปัจจัยกดดันมาจากการส่งออกชะลอตัว, การลงทุนภาคเอกชนซบเซา, นักท่องเที่ยวจีนลดลง เป็นต้น ซึ่งหากอิง GDP GROWTH ตลอดปีของ กกร.ทำให้ GDP GROWTH(QOQ) ตั้งแต่ไตรมาส 2-4 มีโอกาสไม่ฟื้นตัว และเกิดความกังวลการเกิด TECHNICAL RECESSION ได้
ความกังวลปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยในแง่มุมต่างๆ ทำให้นักลงทุนโยกย้ายเม็ดเงินเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด BOND YIELD ช่วงอายุ 1-10 ปีต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งสิ้น และยังต่ำกว่าหรือใกล้เคียงระดับการลดดอกเบี้ยนโยบายไป 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีแล้ว อาทิ BOND YIELD 10 ปี ล่าสุดอยู่ 1.59% (สอดคล้องกับความเห็นจากฝ่ายวิจัยฯ) ซึ่งประเมินว่าการปรับลดดอกเบี้ย 25 BPS. จะหนุนระดับ PE ขึ้น 0.67 เท่า และดัน TARGET SET INDEX จะขยับขึ้นมาได้ราว 57 จุด