เปิดชีวิตสุขล้น "โต๋ ศักดิ์สิทธิ์" กับคุณแม่ วัยเกษียณที่แข็งแรงและปล่อยวางเรื่องลูกหลาน
โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ ควงคู่ คุณแม่โอ๋ - ธนภรณ์ เวชสุภาพร เปิดสูตรชีวิตวัยเกษียณในรายการ Tuck Talk เล่าเคล็ดลับในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วิธีดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีในวัยสูงอายุ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ถ้าดูแลตัวเองดีไม่มีคำว่าแก่ รวมถึงความสัมพันธ์ภายในครอบครัว มีสุขเต็มที่ ปล่อยวางเรื่องลูกหลาน
เวลาไปไหนมาไหน มีคนชมคุณแม่
โต๋ : ผมสนิทกับคุณแม่มากตั้งแต่เด็ก ๆ คุณแม่เป็นคนแบบพาขับรถพาไปเรียนเปียโนตั้งแต่เด็ก ๆ ทุกสเต็ปในการใช้ชีวิตของเรา คุณแม่ก็จะสอนมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอโตขึ้นมา เราเข้าวงการคุณแม่ก็จะช่วยดูแลโน้นนี่ แต่พอเราเริ่มมีรายการออนไลน์ แล้วพอชวนคุณแม่มาทำรายการ กลายเป็นเวลาไปที่ไหนคุณแม่ไม่ต้องไปด้วยเลย เจอหน้าผมปุ๊บ แม่มาเปล่า ถามถึงแต่แม่ตอนนี้ครับ อยากเจอคุณแม่มาก คนจะพูดถึงคุณแม่
มีความรู้สึกยังไงกับคำนี้ ถ้า 60 แล้วเราไม่ต้องทำผมแต่งตัวมากก็ปล่อยไปตามกาลเวลา
แม่โอ๋ : ทำไมเราต้องปล่อยไปตามอายุนะ พอคนเราอายุมากขึ้น แม่ว่ามันต้องแต่งมากขึ้น เพราะว่าถ้าเราไม่แต่ง ผิวพรรณเราก็ไปตามวัย มันก็เหี่ยว ส่องกระจกก็ตกใจตัวเอง แล้วเราจะไปตกใจทำไม ทุกวันเราก็แต่งเลยค่ะ แต่งมันทุกวัน แต่งตั้งแต่สมัยก่อน
โต๋เมาท์คุณแม่หน่อยเรื่องการแต่งตัวเวลาไปงานไปงาน แต่งมากกว่าโต๋กับน้องไบร์ทหรือเปล่า
โต๋ : ทุกเช้าทุกคนเห็นคุณแม่ว่า ถ่ายรายการ ถ่าย TikTok หรือทำคอนเทนต์นู่นนี่ จริง ๆ มันคือธรรมชาติของเขาเลยครับ ทุกเช้าเลยนะ ตั้งแต่เช้า ๆ 6 – 8 โมง ลงมาคือหน้าผมพร้อมแล้ว ไม่ว่าจะมีถ่ายรายการหรือไม่ก็ตาม หรือจะไปแค่ซูเปอร์มาร์เก็ต เขาก็พร้อมเสมอครับ เรื่องผมนี่ก็สระเองทุกวันเลยนะครับ ไม่ใช่ไปทำร้านนะสระเอง เป่าผมเอง ทุกวันจริง ๆ ลองถามดูได้เลยครับ
แม่โอ๋ : ผมสั้นมันง่ายมาก แค่จับ ๆ ใส่บำรุงนิดหน่อยก็อยู่แล้วค่ะ เข้าร้านจริง ๆ ก็มีแค่ไปทำสี ดัด ซอยเท่านั้นเอง นอกนั้นทำเองหมดทุกวันเลยค่ะ
มีวันไหนไหมที่ลงมาจากห้องแบบซีด ๆ ยังไม่แต่งหน้า
แม่โอ๋ : ก็มีบ้างนะคะ นาน ๆ ที แบบขี้เกียจแต่ง ก็ลงมาก่อน
คุณนครว่าไงบ้างคะ เวลาเห็นคุณโอ๋แต่งตัวสวย ๆ ทุกวัน
แม่โอ๋ : เขาเคยถามนะ ทำไมต้องแต่งหน้าทุกวัน ฉันก็บอก “ก็แต่งให้เธอไง สวยมั้ยล่ะ?” เขาก็ตอบ “เออ ใช่ สวย” ถ้าเราไม่แต่งหน้าเนี่ย ผู้หญิงก็กลายเป็น ป้า ผู้ชายก็เป็น อาแปะ ไหวไหม ลองมองตัวเองในกระจกสิ บางวันยังตกใจเลย แบบนี้ต้องแต่ง ต้องสวย ต้องหอมตลอด
ในความรู้สึกของลูกชายอย่างโต๋ เวลาที่เห็นคุณแม่สวย ๆ หอม ๆ รู้สึกยังไง
โต๋ : รู้สึกดีครับ รู้สึกดีใจ แล้วก็ภูมิใจมากครับ เพราะในมุมของผม การที่คุณแม่ดูแลตัวเอง แต่งตัวสวยๆ แบบนี้ มันหมายความว่าเขามีความสุข คือถ้าเรามีความสุขจากข้างใน มันจะมีแรงในการตื่นมาดูแลตัวเอง พอเรามีพลังแบบนั้น เราก็ส่งต่อพลังดี ๆ ให้คนรอบตัวได้ แล้วนั่นแหละครับคือสิ่งที่ผมรักมาก พอทุกเช้าผมลงมาเจอคุณแม่แต่งตัวสวย แฮปปี้ ผมรู้สึกภูมิใจมาก เพราะคิดว่าคนที่ดูแลเรามาครึ่งชีวิต ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะได้ใช้ชีวิตของเขาเองแล้วนะ ได้แต่งตัว ได้ไปเที่ยว ได้กลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง ไม่ต้องห่วงเราแล้ว เขาดูแลเรามาแล้วเต็มที่
มีโรคประจำตัวอะไรไหม
แม่โอ๋ : ไม่มีเลยค่ะ ทุกอย่างปกติดีหมด
ร่างกายยังแข็งแรงดี
แม่โอ๋ : เดี๋ยวนี้แข็งแรงขึ้นเยอะค่ะ แต่ก่อนนี่ไม่ออกกำลังกายเลย เพราะกลัวหน้าละลาย จนวันหนึ่งไปเที่ยวกับลูก ๆ แล้วมีทางขึ้นเขา เห็นบันไดแล้วรู้เลยว่าไม่ไหวก็เลยไม่ได้ขึ้นไป แล้วลูก ๆ เขาก็เป็นห่วง ไม่ขึ้นกันหมดเลยเพราะเป็นห่วงแม่ เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกว่าเราจะเป็นตัวถ่วงเขาทำไม ถ้ามาเที่ยวแล้วเราไม่ไหว ทุกคนก็ไม่สนุกต้องไม่เป็นภาระคนอื่น จากนั้นก็เริ่มออกกำลังกาย เริ่มจากเดิน เดินในหมู่บ้านนี่แหละ เดินไปเดินมาก็ได้เกือบ 3 กิโล ทุกคนเจอก็ทักกัน เหมือนเป็นเจ้าของหมู่บ้าน เดินไปเดินกลับ 3 กิโลกว่า แต่รถมันเยอะ เขาก็เป็นห่วงบอกว่า คุณแม่จะไปเดินทำไมนอกบ้านไม่เดินในบ้าน อุตส่าห์ทำห้องให้แล้วก็ไม่เดิน เราก็เดินฟังเพลงของเราไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวรถเฉี่ยว ก็เลยทำให้เดินในบ้านเลย เดินก็ชั่วโมงนึงก็ประมาณเกือบ 3 กิโล แล้วก็จ้างเทรนเนอร์เลย อาทิตย์ละ 2 ครั้ง เวทเทรนนิ่งกันไป บาลานซ์กันไป กระฉับกระเฉงขึ้น
โต๋ : คุณแม่เขาน้ำหนักลงมา
แม่โอ๋ : 14 กิโล
โต๋ : ดูแลทั้งอาหารและออกกำลังกาย ผมก็คอยช่วยดูเรื่องอาหารด้วย ถามตลอดว่ากินอะไร ลดน้ำตาล ลดแป้งไหม เดินหรือยังอะไรแบบนี้ คุณแม่เขาชอบเดินข้างนอกเพราะอากาศดี แต่บางทีก็ห่วงความปลอดภัย ก็เลยทำห้องฟิตเนสไว้บนบ้าน ซื้อเครื่องลู่วิ่งมา เปิดซีรีส์ดูไป เดินไปด้วย ก็อย่างที่คุณแม่บอกครับยิ่งอายุมากขึ้น การดูแลตัวเองยิ่งสำคัญมาก พอคุณแม่เริ่มทำเอง เราในฐานะลูกก็สบายใจครับ เห็นแล้วก็รู้สึกว่าเขาแข็งแรงดี
เรื่องอาหารการกินในการดูแลตัวเองของคุณแม่ ต้องดูแลขนาดไหน
แม่โอ๋ : เราดูแลตัวเองหมดเลยค่ะ เป็นคนซื้ออาหารเองด้วย เราโตแล้วก็เข้าใจว่าอะไรเหมาะกับตัวเรา อย่างตอนเย็นนี่ เราจะไม่กินของหนัก ๆ เพราะมันทำให้นอนไม่หลับค่ะ กินแล้วมันอึดอัด ก็จะเลือกกินเบา ๆ อย่างปลาแทน เช่น ปลาต้ม ปลาย่าง ก็สลับกันไปค่ะ กลางวันหนักได้ ตอนเช้าก็เรียบง่ายมาก ทานแค่กาแฟดำกับไข่ต้ม ถ้ากลางวันเผลอทานเยอะ เย็นวันนั้นจะลดเลยค่ะ อาจจะทานแค่นิดเดียว
อยากจะให้โต๋แชร์เรื่องอาหารการกินสำหรับผู้สูงวัย
โต๋ : เรื่องการลดแป้งกับน้ำตาล แต่ไม่ใช่ว่าจะห้ามกินเลยนะ แบบที่คุณแม่พูดเสมอคืออยากกินก็กินได้แต่ต้องกินในปริมาณที่พอดี พอให้หายอยาก ไม่ใช่ไปห้ามตัวเองจนไม่มีความสุข ผมว่ามันสำคัญมากสำหรับผู้ใหญ่ คุณแม่เป็นคนทำอาหารเองด้วยนะครับที่บ้าน ตั้งแต่เด็กผมโตมากับอาหารฝีมือแม่
บ้านของโต๋กับคุณแม่ยังอยู่ในบริเวณเดียวกัน ถึงแม้แต่งงานแยกไปอยู่กับน้องไบร์ทแล้ว ยังเดินไปมาหากันได้ไหม
โต๋ : ติดกันเลยครับ เดินถึงกันได้เลย
แม่โอ๋ : ไม่แยกครัวค่ะ ใช้ครัวเดียวกัน
โต๋ : บ้านผมก็มีครัวนะ แต่ถามว่าทำเองทำไม เพราะมีคุณแม่อยู่ตรงนี้ทำให้ การกลับมากินข้าวที่บ้าน มันก็ได้รสชาติแบบที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก
เด็กสมัยใหม่หลายคนพอโตแล้วก็มักอยากแยกออกไปอยู่เอง ไม่ค่อยอยากอยู่กับพ่อแม่ แต่โต๋ยังเลือกอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ คุณแม่คิดว่ายังไง
แม่โอ๋ : แม่วางยาไว้มั้ง
โต๋ : ผมว่าคุณพ่อคุณแม่เขาก็ยังอยากเห็นเรา แค่เห็นรถเราขับเข้าออกบ้านก็สบายใจแล้ว ผมเองก็สนิทกับคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้วครับ เป็นลูกชายคนโตด้วย ก็เลยรู้สึกว่าอยากเจอเขาทุกวัน อย่างบางทีผมกลับจากทำงานดึก ถ้ารู้ว่าคุณพ่อคุณแม่ยังไม่นอน ประมาณสัก 4 ทุ่ม ผมก็จะเดินขึ้นไปหา ไปนั่งคุยว่าวันนี้เป็นยังไง เจอใครมาบ้าง ถ้าวันไหนมีเวลาว่าง รู้ว่าพรุ่งนี้งานเริ่มบ่าย ผมก็จะบอกเลยว่า พรุ่งนี้เที่ยงผมกินข้าวบ้านนะ
เมนูโปรดของโต๋
แม่โอ๋ : ตอนนี้เมนูโปรดของโต๋ก็คือพวกเนื้อ เพราะเขากลับมาเล่นเวท เขาจะไม่กินแป้งเลย กินแต่เนื้ออย่างเดียว จะเป็นเนื้อสเต็ก ไก่ก็ได้ หมูก็ได้นิดหน่อย
ได้ยินมาว่าคุณแม่ยังทำกับข้าวเลี้ยงทีมนักดนตรีด้วย
โต๋ : 2 ปีหลังมานี้ พอหมดสัญญาในฐานะศิลปิน ผมก็เปิดบริษัทของตัวเอง ทำรายการเอง เล่นเปียโนเอง ทำคอนเสิร์ตเอง ทีนี้พอเริ่มจัดคอนเสิร์ตครั้งแรก เราก็มีทีมงาน มีนักดนตรี แล้วเขาก็จะมีสวัสดิการมาจากกอง เช่น ข้าวกล่องอะไรแบบนั้น แล้วคุณแม่ก็มาอยู่ที่กองซ้อมด้วยนะครับ มาเห็นว่าทีมงานกินข้าวกล่องกัน คุณแม่บอกผมว่าเห็นแล้วขัดใจอยากทำเอง พอมีคอนเสิร์ตครั้งถัดมา ไม่ใช่แค่ทำอาหารธรรมดาแล้วนะครับกลายเป็นบุฟเฟ่ต์เต็มรูปแบบ มีทั้งข้าวเหนียวมะม่วง กุ้ง คือคุณแม่ทำเองหมด ทำเพราะสนุก เพราะอยากให้ทุกคนได้กินของอร่อย นักดนตรี ทีมงาน หรือแม้แต่ศิลปินที่มาซ้อม อย่างพี่ปู พงษ์สิทธิ์ พี่แบงค์ วง Clash หรือ เจฟ Saturทุกคนพอรู้ว่ามีคุณแม่ทำอาหารก็จะบอกว่า ซ้อมเสร็จเดี๋ยวแวะชิมฝีมือแม่โอ๋นะ กลายเป็นความอบอุ่นอย่างหนึ่งของกองซ้อม ทุกคนรู้กันหมดว่า ซ้อมกับพี่โต๋ ได้กินข้าวฝีมือแม่โอ๋
การทำอาหารทานเองที่บ้านดีต่อสุขภาพยังไงบ้าง
แม่โอ๋ : ดีกว่าเยอะเราสามารถเลือกเองได้ว่าอะไรควรกิน อะไรไม่ควรกิน แล้ววัตถุดิบที่ใช้ เราก็เลือกเองได้หมดเลย สะอาด ถูกสุขอนามัย
ความสุขของแม่โอ๋ในตอนนี้คืออะไร
แม่โอ๋ : ในวัยนี้ ลูก ๆ ก็โตกันหมดแล้ว เป็นฝั่งเป็นฝา การงานก็ดี มีชีวิตเป็นของเขา ทีนี้เราก็ต้องมีชีวิตของเราเองบ้าง อยากไปไหน อยากทำอะไรก็ทำ อย่างคุณนคร เขาก็มีของเขา ชอบตกปลาก็ไปตกปลา เราไม่เอาหรอกค่ะ ไม่ชอบออกแดด แพ้แดด หน้าแพง เราชอบ ไปกินข้าวกับเพื่อน ฟังเพลง คุยกันสนุก ๆ เสื้อผ้า หน้าผม ผิวพรรณนี่เป็นเรื่องหลักเลยค่ะ
ห่วงคุณแม่เรื่องอะไรบ้าง
โต๋ : จริง ๆ ก็ห่วงแค่เรื่องสุขภาพ เราก็คุมให้แม่ด้วยส่วนหนึ่ง นอกนั้นไม่ห่วงเลย คุณแม่จะไปเที่ยว จะไปปาร์ตี้กับเพื่อน กลับดึกยังไงไม่ว่า แต่ถ้าผมกลับจากคอนเสิร์ตดึก ๆ แล้วแม่ยังไม่กลับ ผมนี่โทรเลย คุณแม่อยู่ไหน ยังไม่ถึงบ้านเหรอ ผมเล่นคอนเสิร์ตจบแม่ยังไม่กลับบ้าน จริง ๆ แล้วเรามีความสุขกับสิ่งนี้มากครับ จะไปกิน ไปเที่ยวที่ไหนไปเลย คือเราแบบคุณแม่เดี๋ยวเตรียมรถตู้ให้ มีคนขับคนช่วยดูแลให้คุณแม่ อยากจะไปไหนคือเรา เราดีใจเราไปส่งด้วย ถ้าเราว่างเราไปส่งเราไปรับได้ คืออยากให้เขาเอนจอยกับชีวิตครับ
ลูก ๆ แยกย้ายไปมีครอบครัว บางคนอาจจะรู้สึกเหงา น้อยใจที่ลูกหลานไม่ค่อยแวะมาดูแล แม่โอ๋มีวิธีดูแลความรู้สึกตัวเองยังไง
แม่โอ๋ : ลูกเขาก็ต้องมีชีวิตของเขา มีครอบครัวของเขา ต้องไปดูแลครอบครัวของตัวเอง หน้าที่เราเสร็จแล้ว ลูกโตหมดแล้ว เราก็ต้องหันกลับมาห่วงตัวเอง ใช้ชีวิตของเราให้มีความสุข อยากไปเที่ยวก็ไป ไปกินข้าวกับเพื่อน ไปฟังเพลง ไปดูหนัง อยากทำอะไรก็ทำ อย่าไปกังวลเขา เพราะเขามีความสุขแล้ว เราก็ต้องหาความสุขของเราเอง ถ้ามัวแต่น้อยใจ เราจะเครียด จะรู้สึกแก่ลง เพราะงั้นออกไปใช้ชีวิต
อยากฝากอะไรถึงลูก ๆ ที่อาจจะยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาดูแลคุณพ่อคุณแม่บ้างไหม
โต๋ : ผมเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย ผมเข้าใจลูก ๆ ด้วยที่งานยุ่ง ผมเองก็ยุ่ง แล้วเราเข้าใจดีว่าการที่เราเริ่มทำงาน การที่เรามีความฝัน แล้วคนรุ่นใหม่สมัยนี้เรามีความฝันแล้วเราอยากจะสร้างอะไรของตัวเองเยอะ มันจะเหนื่อย แล้วมันก็จะแบกรับความกดดันอะไรหลาย ๆ อย่าง ผมเข้าใจเลย ผมแค่จะบอกว่า อย่าลืมว่าเวลาทุกคนมีจำกัด เวลาที่เราพยายามจะตามความฝันของเรา เราก็มีช่วงเวลานั้น อย่าลืมว่าเวลาของเราที่มันเดินไปข้างหน้า เวลาของคุณพ่อคุณแม่เราก็เดินไปข้างหน้าเหมือนกัน แบ่งเวลาให้ดี ๆ แค่นี้เลย เพราะว่าวันนึงเราจะไม่เสียดายเลย เพราะว่าเราได้ใช้เต็มที่
แม่โอ๋ห่วงเรื่องหลานด้วยไหม
แม่โอ๋ : ไม่อยากกดดัน แต่ถามทุกวันเลย เมื่อไหร่จะมี
แพลนไหม หรือว่าปล่อยเข้าไปตามธรรมชาติ
โต๋ : ก็คิดครับ มีในใจกันบ้างครับ คือเราทำงานกันหนัก แล้วผมคิดว่าทุกคนก็ต้องมีเป้าหมายในชีวิตว่า เราจะทำอะไรกัน เราก็มีแพลนคร่าว ๆ ในใจ อยากจะทำไป Next Step ต่อไปในชีวิตเราจะเป็นยังไง
ฝากเคล็ดลับการดูแลตัวเองในวัยเกษียณ
แม่โอ๋ : ก็ปล่อยวางค่ะ อยากทำอะไรก็ทำเลย อย่าไปห่วงลูกมาก เขาโตแล้ว เขามีชีวิตของเขา เราก็ต้องดูแลสุขภาพและอารมณ์ของเราเอง อย่าวีนลูกบ่อย ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาเยอะ ครอบครัวเขาก็เรื่องของครอบครัวเขา อย่าไปชำเลืองบ่อย มองตรง ๆ
สามารถติดตาม "Tuck Talk" ได้ที่ช่องทาง Podcast : Life Dot , Facebook: Life Dot , Youtube : Life Dot วันพฤหัสบดี (สัปดาห์เว้นสัปดาห์) เวลา 18.00 น.
คลิกชมรายการย้อนหลัง : https://www.youtube.com/watch?v=lROumGetpz4&ab_channel=LifeDot