จับตากฎหมายใหม่ ETDA คุมอีคอมเมิร์ซ ดึง TikTok เข้ากติกาสร้างสนามแฟร์เกม
การเคลื่อนไหวล่าสุดของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) สะท้อนแรงกดดันเชิงนโยบายที่รัฐต้องเร่งกำกับดูแลธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้โปร่งใส และแข่งขันอย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะเมื่อผู้เล่นรายใหม่อย่าง TikTok กำลังแทรกซึมเข้ามาเป็น“มาร์เก็ตเพลส” เต็มตัว แต่กลับไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกรอบกฎหมายที่ชัดเจน
ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างประกาศใหม่ภายใต้ กฎหมาย DPS (พระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ.2565) เพื่อกำหนดเกณฑ์คุมเข้มผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยประเด็นสำคัญคือ บังคับให้แพลตฟอร์มต้องมีตัวเลือกผู้ให้บริการขนส่งอย่างน้อย 3–5 ราย หรือให้เพียงพอกับการใช้งานของผู้บริโภค และเป็นไปตามกลไกตลาด เพื่อให้ผู้ซื้อ และผู้ขายมีสิทธิเลือก ไม่ถูกบังคับใช้บริการรายเดียวซึ่งอาจก่อให้เกิดการผูกขาดด้านโลจิสติกส์
ETDA เปิดเผยว่า ได้หารือกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำแล้ว เช่น ไปรษณีย์ไทย, Flash Express, J&T Express, Lazada Express และ Shopee Xpress เพื่อรับฟังความคิดเห็น ก่อนสรุปตัวเลขที่เหมาะสม คาดว่าหากผ่านขั้นตอนพิจารณา ร่างประกาศจะมีผลบังคับใช้ทันปลายปี 2568
TikTok จุดโฟกัสใหม่ของกฎหมายอีคอมเมิร์ซ
ประเด็นที่ได้รับความสนใจคือ สถานะของ TikTok ซึ่งปัจจุบันมีบทบาทเป็นช่องทางขายสินค้าออนไลน์ที่โตอย่างก้าวกระโดด แต่ ETDA ชี้ว่า TikTok จดแจ้งตนเองในหมวด Social Media และ Social Commerce ไม่ใช่อีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม ทำให้ไม่อยู่ในรายชื่อ 19 แพลตฟอร์มที่ต้องปฏิบัติตามประกาศ ETDA ล่าสุดที่กำหนดมาตรฐานเข้ม เช่น การตรวจสอบ มอก., การยืนยันตัวตนผู้ขาย และการแสดงฉลากสินค้าเป็นภาษาไทย
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ TikTok กำลังทำหน้าที่เทียบเท่า Marketplace และมีส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากยังอยู่นอกกติกา ย่อมสร้างความเหลื่อมล้ำในการแข่งขัน ขณะที่ผู้เล่นรายเดิมต้องแบกรับต้นทุนการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเข้มงวด
ชัยชนะ ระบุว่า ETDA จะเร่งนำประเด็นนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีแนวโน้มสูงที่จะปรับรายชื่อแพลตฟอร์มเพิ่มเติมภายในเดือนกันยายน นี้ เพื่อให้ TikTok ต้องอยู่ในกรอบเดียวกับผู้เล่นรายอื่น
ไม่ว่าแพลตฟอร์มจะจดแจ้งสถานะใด แต่หากในทางปฏิบัติทำหน้าที่เป็นมาร์เก็ตเพลส ย่อมต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย
มิติการแข่งขันบทบาท กขค. เข้ามาเสริม
ควบคู่กันนั้น สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ก็เดินหน้ารับลูกต่อ โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศแนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจแพลตฟอร์มหลายด้าน (Multi-sided Platform) โดยเฉพาะกลุ่มอีคอมเมิร์ซ ระหว่างวันที่ 19 ส.ค.–18 ก.ย.2568 นี้ด้วย
โดยเนื้อหาประกาศดังกล่าวครอบคลุมถึงพฤติกรรมที่อาจเข้าข่าย“เอาเปรียบ” คู่ค้า เช่น การบังคับใช้โลจิสติกส์เฉพาะราย, การจัดอันดับค้นหาที่ไม่โปร่งใส หรือการเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งจะเป็นกลไกเสริมการกำกับของ ETDA เพื่อสกัดการผูกขาด และสร้างสนามแข่งขันที่แฟร์ยิ่งขึ้น
ดังนั้น หากกฎหมายชุดใหม่มีผลบังคับใช้จริง จะส่งผลหลายมิติ โดยภาคโลจิสติกส์ การเปิดให้ผู้บริโภคเลือกได้หลายราย จะสร้างการแข่งขันเชิงบริการ และราคา ช่วยลดต้นทุนด้านขนส่งในระยะยาว
โดยในระยะสั้นอาจเพิ่มภาระต่อแพลตฟอร์มที่ต้องเชื่อมระบบกับผู้ให้บริการหลากหลาย ซึ่ง TikTok จะต้องปรับโมเดลธุรกิจ และลงทุนเพิ่มในการคุมคุณภาพสินค้า และระบบโลจิสติกส์
และต่อผู้บริโภค ได้ประโยชน์จากทางเลือกที่มากขึ้น ทั้งด้านราคา ความเร็ว และมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้า แต่ต้องเผชิญกับกฎควบคุมเข้มงวดที่อาจทำให้ราคาสินค้าบางประเภทสูงขึ้นเล็กน้อย
ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยกับเวทีโลก
ข้อมูลจาก ETDA ระบุว่า มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยปี 2567 อยู่ที่ราว 5.5 แสนล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตแตะ 6.2 แสนล้านบาทในปี 2568 หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยราว 12–15% ต่อปี การขยายตัวดังกล่าวแม้ยังเล็กเมื่อเทียบกับตลาดยักษ์ใหญ่อย่างจีนที่มีมูลค่ากว่า 20 ล้านล้านบาท หรือสหรัฐอเมริกาที่ราว 6–7 ล้านล้านบาท แต่สะท้อนศักยภาพการบริโภคออนไลน์ของไทยที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ในภาพรวมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นภูมิภาคที่ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตเร็วที่สุด โดยมีการประเมินว่าภายในปี 2573 จะมีมูลค่ารวมเกิน 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ การที่ไทยเร่งปรับกติกาให้เท่าทัน จึงมีนัยสำคัญต่อการรักษาขีดความสามารถการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม ที่ต่างก็มีการออกกฎควบคุมอีคอมเมิร์ซเข้มขึ้นเช่นกัน
ดังนั้น กติกาใหม่ของ ETDA และ กขค. ไม่ใช่เพียงการบังคับใช้กฎหมาย แต่เป็นการวางโครงสร้างการแข่งขันระยะยาวในเศรษฐกิจดิจิทัลไทย การบังคับให้ TikTok เข้าสู่กติกาเดียวกับผู้เล่นรายอื่น จึงเป็นสัญญาณว่า รัฐกำลังเดินเกมเพื่อสร้าง“สมรภูมิแฟร์เกม” ระหว่างยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ และผู้เล่นหน้าใหม่ ท่ามกลางการเติบโตของตลาดที่มูลค่ามากกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี
พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์