“เวียดนาม” เตรียมยกเลิกเป้าหมายสินเชื่อปี 69 ดันนโยบายการเงินสู่กลไกตลาด ลุ้นจีดีพีโต 8%
"เวียดนาม" สั่งธนาคารกลางจัดทำแผนนำร่องยกเลิกกรอบขยายสินเชื่อ เริ่มต้นปี 69 ปรับระบบสู่การบริหารนโยบายการเงินแบบเสรีมากขึ้น คุมเข้มปล่อยกู้-ลดดอกเบี้ย ขณะ GDP Q2 โตทะลุ 7.9%
วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 12.04 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลเวียดนามเปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ธนาคารกลางจัดทำแผนนำร่องเพื่อยกเลิกเป้าหมายการขยายสินเชื่อ (credit growth targets) ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตามข้อเสนอดังกล่าว ธนาคารกลางเวียดนาม (State Bank of Vietnam: SBV) จะต้องจัดทำเกณฑ์และมาตรฐานสำหรับสถาบันการเงินที่มีการบริหารจัดการที่ดีและมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมทั้งดำเนินการตรวจสอบและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบ รักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน และควบคุมเงินเฟ้อ
นายเจือง วัน ฟวก อดีตประธานคณะกรรมการกำกับดูแลการเงินแห่งชาติเวียดนาม กล่าวว่า “นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของนโยบายการเงินของธนาคารกลางเวียดนาม ที่เปลี่ยนจากระบบบริหารจัดการแบบสั่งการ มาสู่กลไกตลาด ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานและแนวปฏิบัติสากล”
เมื่อเดือนที่แล้วธนาคารกลางได้ประกาศเพิ่มโควตาการขยายสินเชื่อให้กับธนาคารพาณิชย์ เพื่อกระตุ้นการปล่อยกู้ โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ สำหรับปี 2568 SBV ได้ตั้งเป้าการขยายสินเชื่อทั้งระบบไว้ที่ 16%
เศรษฐกิจเวียดนามในปี 2568 มีทิศทางที่แข็งแกร่ง โดยในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน GDP ขยายตัวถึง 7.96% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามข้อมูลล่าสุดของรัฐบาล ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าให้เศรษฐกิจเติบโตไม่ต่ำกว่า 8% ในปี 2568 แม้จะยังไม่แน่ชัดว่ามาตรการภาษีของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นล่าสุดจะกระทบต่อเป้าหมายนี้หรือไม่
ฟาม มินห์ จิญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้สั่งการให้ธนาคารกลางจัดทำแผนบริหารนโยบายการเงินอย่างเร่งด่วนสำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า พร้อมทั้งให้รายงานต่อคณะกรรมาธิการถาวรของรัฐบาลภายในสิ้นเดือนนี้
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังสั่งให้ SBV เข้มงวดในการกำกับดูแลกิจกรรมด้านสินเชื่อ โดยรวมถึงการตรวจสอบการถือหุ้นไขว้ระหว่างธนาคาร (cross-ownership) และการปล่อยกู้โดยมิชอบต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน (insider lending)
เขายังเน้นย้ำให้ธนาคารลดต้นทุนดำเนินงาน ลดขั้นตอนที่ซับซ้อน และเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล เพื่อเอื้อให้สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการปล่อยกู้ไปยังภาคส่วนที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ เช่น การลงทุน การส่งออก และการบริโภคภายในประเทศ
อ้างอิง : www.bloomberg.com