ไซมิสฯ ชี้ตลาดบ้านหรูยังไปต่อ แนะรัฐ-แบงก์ชาติกล้าเสี่ยงดันศก.
ไซมิส แอสเสท ยืนยันตลาดอสังหาฯ กลุ่ม High-End ยังไปต่อได้ แม้กำลังซื้อระมัดระวังมากขึ้น พร้อมเปิดตัวโครงการ “มนต์เสน่ห์” เฟส 2 พูลวิลล่าหรูดีไซน์ยุโรป มุ่งตอบโจทย์นักลงทุนระยะยาว ด้านผู้บริหารชี้ปัญหาเศรษฐกิจหลักมาจากแบงก์ชาติที่กลัวความเสี่ยงเกินไป ทำให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อยาก วอนภาครัฐกล้าเสี่ยงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยมุมมองภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลัง 2568 ท่ามกลางความท้าทายจากหลายปัจจัย แต่ตลาดบ้านหรูในกลุ่ม High-End ยังคงมีศักยภาพ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มองหาการลงทุนระยะยาว ซึ่งพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มนี้เปลี่ยนไปจากเดิมที่พิจารณาแค่ความสวยงามและทำเล แต่ปัจจุบันให้ความสำคัญกับมูลค่าของสินทรัพย์ในอนาคตและความคุ้มค่าทางภาษีด้วย
โครงการ “มนต์เสน่ห์” (Monsane Exclusive Villa ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า) เฟส 2 จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม High Income Independence ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและลงทุนในอนาคต โดยมีตั้งแต่บ้านเดี่ยวลักชัวรีไปจนถึงพูลวิลล่าหรูสไตล์ยุโรปที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอย่างราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุปทานใหม่ยังไม่มาก ทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงและมีความเสี่ยงจากสต็อกคงค้างต่ำกว่าตลาดโดยรวม
โครงการนี้มีขนาดที่ดินเริ่มต้น 100 ตารางวาขึ้นไป และมีพื้นที่ใช้สอยในบ้าน 434-628 ตารางเมตร ซึ่งถือเป็น Investment-Grade Asset ที่เหมาะกับการลงทุนระยะยาว เนื่องจากทำเลลักษณะนี้มีความต้องการเช่าสูงจากชาวต่างชาติ และราคาที่ดินในโซนนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี
นายขจรศิษฐ์กล่าวว่าแนวทางของไซมิสฯ คือการสร้างมาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัยระดับลักชูรี่ โดยโครงการมีการออกแบบให้ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามความต้องการ มีการใช้วัสดุประหยัดพลังงาน มีการนำนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยเข้ามาใช้ในบ้าน
เช่น ระบบฟอกอากาศ Air of Life ที่ช่วยควบคุมคุณภาพอากาศให้สะอาดและปลอดฝุ่น PM2.5 ระบบ Solar Solution ที่ช่วยลดภาระค่าไฟในระยะยาว ประตูและหน้าต่างจาก TOSTEM ที่มีความแข็งแรงทนทานและป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก รวมถึง EV Charger สำหรับรองรับรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งหมดนี้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าในทุกมิติ โดยตัวบ้านพร้อมเข้าอยู่ได้ทันที
c]tถึงแม้ล่าสุด การลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นายขจรศิษฐ์ยังได้เผยมุมมองวิเคราะห์ถึงภาพรวมเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาของภาครัฐและสถาบันการเงิน โดยระบุว่า การลดดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้ตลาดสินเชื่อเติบโตได้ดี โดยระบุว่าปัญหาที่แท้จริงคือระบบธนาคารที่ยังคงมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งทำให้แม้จะมีการลดดอกเบี้ย แต่ลูกหนี้ก็ยังคงเข้าถึงสินเชื่อได้ยากเช่นเดิม
นายขจรศิษฐ์ชี้ว่า ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ มีทุนสำรองสูงมาก และได้เก็บเงินเข้าเป็นทุนสำรองไว้หมด ทำให้ตลาดขาดสภาพคล่องและไม่มีเงินหมุนเวียน การที่ทุกคนรวมถึงแบงก์ชาติและธนาคารไทยรับฝากเงินแต่ไม่ปล่อยกู้ออกมา ส่งผลให้เศรษฐกิจซบเซา แนวคิดนี้แตกต่างจากธนาคารกลางในต่างประเทศที่กล้าเสี่ยงมากขึ้น โดยหลายประเทศปล่อยกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 4-5% ทำให้ธนาคารพาณิชย์สามารถนำไปปล่อยกู้ต่อในประเทศได้กำไรถึง 10% ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ช่วยให้มีเงินเข้าสู่ระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจ
ในมุมมองของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างไซมิส แอสเสท การที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อได้ยากส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจ โดยตัวเลขการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทสำหรับที่อยู่อาศัยประเภทบ้านอยู่ที่ราว 10% ขณะที่คอนโดมิเนียมอยู่ที่ราว 5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากังวลและทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนให้รัดกุมมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทตัดสินใจชะลอแผนการลงทุนในกรุงเทพฯ เพื่อรอติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ประกอบกับสต็อกที่ยังอยู่ในตลาด จึงหันไปโฟกัสที่การพัฒนาโครงการในจังหวัดภูเก็ตมากขึ้น และถึงแม้จะมีแผนที่จะซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ แต่ยังคงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากปัจจุบันทุกฝ่ายต่างกุมเงินสดไว้และไม่กล้าที่จะเสี่ยงลงทุน ซึ่งทำให้การพัฒนาโครงการเป็นไปได้ยากขึ้น
นายขจรศิษฐ์ ยังแนะว่ารัฐบาลควรกล้าเสี่ยงมากขึ้น โดยการอัดฉีดเงินเข้าไปในธนาคารของรัฐและทำให้แบงก์ยอมรับหนี้เสียได้ ซึ่งจะทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบ ทำให้คนมีเงินไปลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ยังเสนอให้ต้องมีระบบการควบคุมที่ดีเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต ซึ่งนายขจรศิษฐ์เชื่อว่าหากแก้ปัญหาที่ต้นเหตุในระบบธนาคารได้จะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและพลิกฟื้นประเทศได้
อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อได้ยากจนเกิดอัตราปฏิเสธสูงเช่นนี้ ทางไซมิสฯ มีการร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สำหรับบางโครงการที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้าน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ติดปัญหาเครดิตบูโรแต่มีศักยภาพในการผ่อนชำระ โดยให้ลูกค้าสามารถผ่อนตรงกับโครงการได้ 2 ปี และเงินที่ผ่อนจะถูกนำไปเป็นเงินต้นทั้งหมด หลังจากนั้นลูกค้าจึงจะเข้าสู่กระบวนการกู้กับธนาคาร โปรแกรมนี้ช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น และเป็นการช่วยคัดกรองลูกค้าที่มีวินัยทางการเงินด้วย