โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เอกชนขอบคุณ “กนง.” หั่นดอกเบี้ยถูกจังหวะ ปลุกเศรษฐกิจไทยฟื้น

อีจัน

อัพเดต 16 สิงหาคม 2568 เวลา 19.48 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อีจัน

ทันทีที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มติเอกฉันท์ 6 เสียง ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% เหลือ 1.5% เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2568 ในวันเดียวกัน ช่วงค่ำธนาคารกรุงเทพ ออกประกาศลดดอกเบี้ยทันทีที่ 0.25% ขานรับการส่งสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจที่กำลังถดถอยในปัจจุบัน โดยต้องการเพิ่มกำลังซื้อ กำลังการบริโภค และลดต้นทุนให้กับประชาชน

ขณะที่ธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ต่างทยอยลดอัตราดอกเบี้ยลงในทิศทางเดียวกัน ล่าสุดวันที่ 14 ส.ค. 2568 มี 5 ธนาคารประกาศลดดอกเบี้ยแล้ว ประกอบด้วย กรุงไทย ไทยพาณิชย์ กสิกรไทย ทีเอ็มบีธนชาติ และกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้ ยังมีธนาคารเฉพาะกิจของรัฐที่พร้อมใจประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ประกอบด้วย ออมสิน อาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

โดยสถาบันการเงินที่กล่าวข้างต้นทั้งหมดนี้ ได้ลดอัตราดอกเบี้ยตระกูล M ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ซึ่งครอบคลุมลูกค้าของธนาคารทั้งที่เป็นนิติบุคคล บริษัทห้างร้าง และบุคคลธรรมดา

สัญญาณดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสู่จุดวิกฤติ หากไม่เร่งจัดการกับปัญหาในวันนี้ จะส่งผลให้ในอนาคต “เศรษฐกิจ” อาจจะยากเกินจะแก้

ทีมเศรษฐกิจอีจัน ได้สัมภาษณ์ “ภาคเอกชน” ถึงการตัดสินใจของ กนง. ในการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ ที่มาถูกทั้งจังหวะ และเวลาที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลงจากปัจจัยลบทั้งในประเทศและต่างประเทศหลายๆ ด้านพร้อมๆ กัน ทำให้ระบบเศรษฐกิจในประเทศเกิดภาวะชะงักงัน ผู้ประกอบการรายย่อย (เอสเอ็มอี) ขาดสภาพคล่อง ประชาชนประสบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ

กนง. มติเอกฉันท์ 6 เสียง ลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 1.5%

3 วันก่อนหน้า13 ส.ค. 2025

กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

การลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ กนง. เน้นไปที่การกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจหลายๆ ด้านพร้อมกัน โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลง จะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มากนัก แต่ก็มีการคาดว่า กนง.จะอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งก่อนสิ้นปี

ขณะที่ สถาบันการเงินขนาดใหญ่ 5 มีผลกำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกปีนี้ กว่า 120,000 ล้านบาท ยอมที่จะเสียสละ ไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง ซึ่งถือเป็นฝั่งดอกเบี้ยจ่าย ที่เป็นต้นทุนของสถาบันการเงิน ดังนั้น การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ โดยไม่ปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากอีกขาหนึ่ง แสดงให้เห็นว่า สถาบันการเงินยอมรับความต้นทุนที่สูงขึ้นแทนภาคธุรกิจ

นอกจากนี้ การที่อัตราดอกเบี้ยลดต่ำลง หรือ ถูกลง ยังช่วยผลัดดันให้ตลาดหุ้นของไทยที่ซบเซา เกิดความคักคึกขึ้นมาทันที โดยวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับขึ้น 18.36 จุด ปิดที่ 1,259.07 จุด สะท้อนว่า การลงทุนในตลาดหุ้นบ้านเรา กำลังฟื้นตัวและให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในช่วง“ดอกเบี้ยขาลง”

และที่สำคัญอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงนั้น ยังส่งผลต่อการแก้หนี้ของภาคธุรกิจและประชาชนมีแนวโน้มดีขึ้น เพราะล่าสุด ธปท.รายงานการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินมีแนวโน้มชะลอตัว โดยไตรมาส 2/2568 จำนวนให้สินเชื่ออยู่ที่ 4.39 ล้านล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 4.44 ล้านล้านบาท ซึ่งสถาบันการเงินระวังการให้สินเชื่อ เป็นผลจากปัญหาหนี้เสียเพิ่มขึ้น

ดังนั้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยถือเป็น “เครื่องมือทางการเงิน” ที่จะเข้ามาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และผยุงธุรกิจ ที่ตอนนี้กำลังอยู่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางและยังมีความไม่แน่นอนสูง

เกรียงไกร เธียรนุกุล

เอกชนขอบคุณ กนง.ลดดอกเบี้ย

ภาคเอกชน “นายเกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวขอบคุณ กนง. ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยเหลือผู้ประกอบการได้อย่างทันท่วงที ทำให้ต้นทุนธุรกิจถูกลง และยังลดภาระให้กับประชาชนที่เผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริง

“ช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีสหรัฐฯ และเงินบาทที่แข็งค่ากว่าสกุลเงินในภูมิภาค การลดอัตราดอกเบี้ยมีส่วนทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง ผลักดันการส่งออกให้ดีขึ้นได้”

นอกจากนี้ การตัดสินใจของ กนง. ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2568 ท่ามกลางความท้าทายจากภายนอก และภายในประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องนโยบายภาษีของสหรัฐฯ เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีไทย 36% ทำให้ผู้นำเข้าสินค้าในสหรัฐฯ รีบสั่งออร์เดอร์ และกักตุนสินค้า ส่งผลให้การส่งออกของไทยเติบโตถึง 15%

แต่เมื่อไทยได้เจรจากับสหรัฐฯ ก่อนวันที่ 1 ส.ค. หรือวันสุดท้ายของการบังคับใช้อัตราภาษีใหม่ สหรัฐฯ ได้ประกาศลดอัตราภาษีไทยเหลือ 19% จึงเชื่อว่าการส่งออกครึ่งหลังปีนี้จะลดลงอย่างมาก หลังจากผู้นำเข้าได้เร่งสต็อกสินค้าไปก่อนหน้านี้

“คาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ รัฐบาลต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เนื่องจากภาคท่องเที่ยวชะลอตัวลง จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยลดลงถึง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ดังนั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการเงินและการคลัง จึงเป็นอีกวิธีการที่สำคัญและมีผลต่อเศรษฐกิจ”

อมรเทพ จาวะลา

แบงก์จับตา 5 ปัจจัยฉุดเศรษฐกิจ

“ดร. อมรเทพ จาวะลา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMB T) กล่าวว่าระยะข้างหน้า กนง. ต้องจับตา 5 ประเด็นเศรษฐกิจใกล้ชิดที่มีผลต่อการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ย อาทิ 1.เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง จากราคาน้ำมันโลกและมาตรการรัฐช่วยค่าครองชีพ 2.สินเชื่อหดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม SME และครัวเรือนรายได้น้อย 3.ธุรกิจขนาดใหญ่ชะลอการลงทุน และเน้นการชำระหนี้จากความไม่แน่นอน 4.ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง และ 5.ค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบดอลลาร์และสกุลเงินอื่นในภูมิภาค

ขณะที่ประเด็นสำคัญที่ต้องเน้นย้ำ แม้การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระหนี้ของผู้ที่มีหนี้อยู่แล้ว แต่ไม่น่าจะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง หรือกระตุ้นสินเชื่อได้มากนัก เนื่องจากความเสี่ยงด้านเครดิตยังสูง

อีกทั้งยังต้องรอความชัดเจนจากปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ก่อนดำเนินนโยบาย แม้จะเป็นแนวทางที่รอบคอบ แต่บางครั้งอาจทำให้เศรษฐกิจระดับล่างไถลลงลึกเกินไป จนต้องใช้มาตรการที่แรงกว่าคาดเพื่อพยุงไม่ให้ทรุดต่อ

“การประชุมอีก 2 ครั้วในปีนี้ มองว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยในรอบเดือนต.ค. เพื่อประเมินผลจากการลดดอกเบี้ยรอบนี้ หากเศรษฐกิจยังอ่อนแรง อาจมีการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 1.25%”ดร.อมรเทพกล่าว

นณริฏ พิศลยบุตร

TDRI ลุ้นรัฐอัดมาตรการใหม่

“ดร.นณริฏ พิศลยบุตร” นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายล่าสุด ถือเป็นสัญญาณชัดว่าแบงก์ชาติ พร้อมใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อรับมือเศรษฐกิจที่เผชิญแรงกดดันรอบด้าน

ขณะที่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME จะได้ประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง แต่การส่งผ่านดอกเบี้ยไปสู่ระบบเศรษฐกิจจริงกลับใช้เวลานานขึ้นและให้ผลน้อยกว่าเดิม

สำหรับดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับลดลงมักจะไม่เท่ากับอัตราที่แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยนโยบาย และส่วนใหญ่จะใช้เวลาปรับช้ากว่า ราว 3-4 ไตรมาส ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากมักไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานเชิงสถิติที่สะท้อนว่า การส่งผ่านดอกเบี้ยนโยบายไปสู่เศรษฐกิจจริงมีประสิทธิผลลดลง ทั้งในด้านขนาดของผลกระทบที่เล็กลง และระยะเวลาที่นานขึ้นกว่านโยบายจะส่งผลจริง ซึ่งในแง่ของประสิทธิภาพขึ้นกับหลากหลายปัจจัย

“แต่ในทางทฤษฎีแล้ว การลดดอกเบี้ยจะทำให้สถาบันการเงินมีแนวโน้มปล่อยสินเชื่อมากขึ้นไม่มากก็น้อย จึงจำเป็นต้องติดตามดูว่า ธปท. และภาครัฐจะมีนโยบายเสริมออกมาหรือไม่ เช่น โครงการแก้ไขปัญหาหนี้ของ ธปท. การจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) รูปแบบใหม่ การแก้ไขหนี้เสีย (NPL) ในฝั่ง ธปท. และการสนับสนุนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาวของภาครัฐ”

ท้ายที่สุดนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง. ที่เหลืออีก 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ “ภาคเอกชน” คิดตรงกันว่าอาจจะได้เห็น กนง. ลดอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง ที่อัตรา 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 1.25% ก่อนปิดสิ้นปี 2568

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก อีจัน

“รัฐ” ใช้ Negative Income Tax พลิกโฉมสวัสดิการ ย้ำคนไทยต้อง “ยื่นภาษี”

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ถึงเวลาแล้ว? ทรัมป์ สายตรง รัฐมนตรีนอร์เวย์ ขอ “โนเบลสันติภาพ”

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

‘ไทย-สิงคโปร์’ จากคู่ค้าอันดับ 9 สู่เวที ‘นักคิด’ ที่ดีผ่านงานเสวนาครั้งใหญ่ ‘เศรษฐกิจสีเขียว’ เพื่อภูมิภาคอาเซียน

TODAY Bizview

ลูกค้าจังหวัดแพร่ รับ 60 ล้านแบบเต็มๆ สลาก ธกส.

สยามนิวส์

จับทิศทางเศรษฐกิจไทย หลัง กนง. หั่นดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ช่วยอะไรได้บ้าง?

BTimes

สุดสยอง “บ้านผีสิงธี่หยด” เปิดตัวครั้งแรกใน Universal Studios Singapore 26 ก.ย. นี้

ฐานเศรษฐกิจ

บุกยึด! พาวเวอร์แบงค์-อะแดปเตอร์ ไม่มี มอก. คาไลน์ผลิต

PPTV HD 36

ไทยเสี่ยงเจอข้อหา ‘สินค้าสวมสิทธิ์’ ระเบิดเวลาภาษีทรัมป์

TODAY

บสย. ค้ำประกันสินเชื่อ อุ้มเอสเอ็มอี 2.4 หมื่นราย มุ่งยกระดับองค์กร

ฐานเศรษฐกิจ

ที่ปรึกษาของ รมว.คลัง ชี้ “Negative Income Tax” เป็นนโยบายดี แต่ต้องวางระบบให้แข็งแรง

การเงินธนาคาร

ข่าวและบทความยอดนิยม

“ไทย” รับสินค้า “จีน” ส่งออกสหรัฐฯ กดอุตฯ ผลิตทรุด

อีจัน

ธอส. ลดดอกเบี้ยเงินกู้ MRR 0.25% หวังลดภาระที่อยู่อาศัย มีผล 15 ส.ค. 68

อีจัน

“กสิกรไทย” ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% มีผล 15 ส.ค.68

อีจัน
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...