เผย 3 กลุ่มอินฟลูฯไทย กวาดรายได้กว่า 60% แบรนด์ยอมจ่ายดีลละ 1 แสน
ไอเดียแล็บ เผยครึ่งปีแรกตลาด Influencer Marketing ในไทยเข้าสู่ยุค “มาตรฐานใหม่” ของธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน มากกว่าการสร้างกระแสและยอดไลก์ โดย Influencer 3 กลุ่มหลักสุดอู้ฟู่สร้างรายได้รวมกันกว่า 60% แบรนด์ยอมจ่ายค่าเฉลี่ยต่อดีล 100,000 บาท
วันที่ 1 ส.ค. 2568 นายธนดล พิทยานุวัฒน์ กรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ไอเดียแล็บ จำกัด (IdeasLabs) ผู้ให้บริการด้าน MarTech Solution เทคโนโลยีที่ช่วยบริหารจัดการด้านการตลาด สัญชาติไทย เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 ตลาด Influencer Marketing ประเทศไทย (การทำการตลาดที่ใช้ผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์มาช่วยในการโฆษณา รีวิวสินค้า หรือช่วยแนะนำสินค้าและบริการ ผ่านการสร้างคอนเทนต์ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ) ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในกลุ่มแบรนด์ที่ใช้ “Publisher Services” ซึ่งเป็นโมเดลการตลาดผ่าน KOL (Key Opinion Leader - ผู้นำทางความคิด หรือก็คือกลุ่มคนที่มีความน่าเชื่อถือในเรื่องต่างๆ ที่มีระบบวางกลยุทธ์อย่างเป็นระบบและสามารถวัดผลได้จริง
โดยโมเดล Publisher Services ในปีนี้ ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ ชี้ให้เห็นว่าไม่ใช่เพียงการจ้าง KOL แล้วหวังผลอีกต่อไป แต่คือการวาง “โครงสร้างการตลาดแบบใหม่” ที่เชื่อมโยงข้อมูล กลยุทธ์ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของการตลาดไทย ที่กำลังเข้าสู่ยุคที่ KOL คือ infrastructure ของการเติบโต ไม่ใช่แค่เครื่องมือชั่วคราวอีกต่อไป
อย่างไรก็ดี หัวใจของความสำเร็จในการทำ Influencer Marketing คือการเข้าถึง Data + Platform + Planning = แต้มต่อของแบรนด์ในยุค Digital Sales ท่ามกลางตลาดที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 91.2% ของประชากร และบัญชีโซเชียลมีเดียมากถึง 51 ล้านบัญชี ดังนั้นกลยุทธ์ Influencer Marketing ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและระบบวัดผลจะกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ของธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนมากกว่าการสร้างกระแสและจำนวนยอดไลก์
จากข้อมูลโดย IdeasLabs บริษัทผู้พัฒนา MarTech Ecosystem ชั้นนำของไทย พบว่าแคมเปญที่ “ปิดดีลสำเร็จ” (Close Won) ในช่วง 6 เดือนแรก มีจำนวนรวมกว่า 400 แคมเปญ โดยมูลค่าตลาดรวมของแคมเปญเติบโตจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกเดือนตลอดครึ่งปีแรก 2568 ยิ่งตอกย้ำภาพรวมของโมเดลนี้อย่างชัดเจน โดยเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 พบว่า ยอดขายผ่านแคมเปญที่ใช้ Publisher Services และ KOL เติบโตเฉลี่ยเกือบ 46% ซึ่งในบางเดือนมีการเติบโตสูงถึงกว่า 70% ซึ่งถือเป็นอัตราเร่งที่น่าจับตามองในอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ แคมเปญที่ปิดดีลได้ครอบคลุมแพคเกจที่มีช่วงราคาหลากหลาย ตั้งแต่ประมาณ 20,000 บาท ไปจนถึง 500,000 บาทต่อแคมเปญ มีค่าเฉลี่ยต่อดีลอยู่ที่ราว 100,000 บาท ซึ่งสะท้อนถึงการที่ Publisher Services และการใช้ KOL สามารถปรับใช้ได้กับทั้งแบรนด์ขนาดใหญ่ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน และแบรนด์ขนาดกลางที่เน้นคุ้มค่าและการวัดผลเป็นหลัก
โดยมี 3 กลุ่ม Influencer Marketing ที่ตอบโจทย์ธุรกิจของลูกค้าและเติบโตอย่างโดดเด่น ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา จนคิดเป็นสัดส่วน 62.48% ของรายได้จาก Publisher Services ทั้งหมดได้แก่
1. อาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) สร้างรายได้ 30.47%
2. ค้าปลีกและไลฟ์สไตล์ (Retail & Lifestyle) สร้างรายได้ 19.84%
3. ความงามและสุขภาพ (Beauty & Wellness) สร้างรายได้ 12.17%
“สำหรับกลยุทธ์ที่สร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจ Influencer Marketing ในยุคนี้จะต้องผสานเทคโนโลยีไปกับเนื้อหาที่วัดผลได้จริง นั่นคือหัวใจของความสำเร็จ ซึ่งสะท้อนถึงเทรนด์ใหม่ในวงการการตลาดยุคดิจิทัล ที่ไม่ได้วัดจากจำนวนผู้ติดตามหรือยอดวิวเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่พิจารณาจาก “ความสามารถในการกระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภค” อย่างมีประสิทธิภาพ” นายธนดล กล่าว
นอกจากนี้ IdeasLabs ยังได้มุ่งเน้นรักษาความเป็นเบอร์หนึ่งของตลาด F&B และ Retail & Beauty โดยได้เตรียมเร่งเครื่องอัดแคมเปญกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าในช่วงปลายปีโดยเฉพาะในช่วงเทศกาล และปลายปี ที่ถือเป็น High Season สำคัญของหลายธุรกิจ ด้วยการช่วยวางแผนให้องค์กรเริ่มวางกลยุทธ์ Influencer ตั้งแต่ไตรมาส 3 เพราะจะทำให้ได้เปรียบในการบริหารต้นทุน สร้างยอดขาย และแปลง Engagement เป็น Conversion ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขณะเดียวกันคาดว่าทิศทางในครึ่งหลังปี 2568 ซึ่งเป็น High Season ของ Influencer ที่วัดผลได้จริงแนวโน้มในไตรมาส 3 และ 4 จะเป็นไปในทิศทางที่ แบรนด์ในกลุ่ม F&B และ Beauty จะยังคงลงทุนในแคมเปญ Influencer Marketing อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล และปลายปี ที่ถือเป็น High Season สำคัญของหลายธุรกิจ
อย่างไรก็ดีสิ่งที่ชัดเจนจากข้อมูลครึ่งปีแรกคือแบรนด์ที่วางแผนล่วงหน้ามีประสิทธิภาพในการใช้ KOL สูงกว่าชัดเจนระบบที่สามารถวัดผล (เช่น API กับ Line OA หรือระบบ Tracking Conversion) เป็นปัจจัยสำคัญในการขยายผลเครือข่าย Publisher ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคไทย สามารถทำหน้าที่ได้มากกว่า media placement
“ในภาพรวม กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มยังคงเติบโตสูงสุด ด้วยจำนวนแคมเปญที่ปิดดีลมากกว่า 100 รายการ ความโดดเด่นอยู่ที่การใช้ KOL เพื่อเร่งพฤติกรรม “ซื้อทันที” ทั้งในช่องทางเดลิเวอรีและ walk-in ด้าน Retail & Lifestyle เติบโตจากคอนเทนต์ที่มีความ “สมจริง” และเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้บริโภค โดยเฉพาะในหมู่ Gen Z และวัยทำงานรุ่นใหม่ ขณะที่ กลุ่ม Beauty & Wellness ยังคงเน้นรีวิวแบบมีประสบการณ์ตรง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถืออย่างแท้จริง” นายธนดล กล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เผย 3 กลุ่มอินฟลูฯไทย กวาดรายได้กว่า 60% แบรนด์ยอมจ่ายดีลละ 1 แสน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th