ทรัมป์ ลงนามจดหมายเรียกเก็บภาษีกับ 12 ประเทศแล้ว เตรียมส่งวันจันทร์
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในจดหมายถึง 12 ประเทศ โดยมีเนื้อหาระบุระดับภาษีต่าง ๆ ที่ประเทศเหล่านั้นจะต้องเผชิญสำหรับสินค้าที่ส่งออกมายังสหรัฐฯ โดยข้อเสนอในจดหมายจะเป็นแบบ “รับหรือไม่รับก็ได้” และจะถูกส่งออกในวันจันทร์
6 ก.ค. 2568- สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ขณะเดินทางไปยังรัฐนิวเจอร์ซีย์ โดยทรัมป์ระบุว่าได้ลงนามในจดหมายถึง 12 ประเทศ โดยมีเนื้อหาระบุระดับภาษีต่าง ๆ ที่ประเทศเหล่านั้นจะต้องเผชิญสำหรับสินค้าที่ส่งออกมายังสหรัฐฯ โดยข้อเสนอในจดหมายจะเป็นแบบ “รับหรือไม่รับก็ได้” แต่ทรัมป์ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อของประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยบอกว่าจะมีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการในวันจันทร์
ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี ทรัมป์ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เขาคาดว่าชุดจดหมายแรกจะถูกส่งออกในวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการในสหรัฐฯ แต่วันที่ได้ถูกเลื่อนออกไปแล้ว
ในสงครามการค้าระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน และทำให้ผู้กำหนดนโยบายต้องเร่งปกป้องเศรษฐกิจของตน ทรัมป์ได้ประกาศเมื่อเดือนเมษายนถึงการจัดเก็บภาษีในอัตราเริ่มต้นที่ 10% และภาษีเพิ่มเติมอีกในระดับต่าง ๆ สำหรับประเทศส่วนใหญ่ โดยบางประเทศอาจต้องเผชิญภาษีสูงถึง 50%
อย่างไรก็ตาม ภาษีที่เกินจากอัตราพื้นฐาน 10% ได้ถูกระงับไว้เป็นเวลา 90 วัน เพื่อให้มีเวลาสำหรับการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลง
ช่วงเวลา 90 วันดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 9 กรกฎาคม แม้ว่าทรัมป์จะกล่าวเมื่อเช้าวันศุกร์ว่า ภาษีเหล่านี้อาจสูงขึ้นกว่านั้น บางรายการอาจสูงถึง 70% โดยภาษีส่วนใหญ่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม
โดยทรัมป์กล่าวว่า “ผมได้ลงนามในจดหมายบางฉบับ และมันจะถูกส่งออกในวันจันทร์ น่าจะประมาณ 12 ฉบับ” และเมื่อถูกถามเกี่ยวกับแผนภาษีของเขา ทรัมป์กล่าวว่า “จำนวนเงินต่างกัน อัตราภาษีก็ต่างกัน”
ทรัมป์และคณะที่ปรึกษาระดับสูงของเขาเคยกล่าวว่าจะเริ่มต้นเจรจากับหลายสิบประเทศเกี่ยวกับอัตราภาษี แต่ผู้นำสหรัฐฯ เริ่มหมดความอดทนกับกระบวนการดังกล่าวหลังจากเผชิญกับความล้มเหลวหลายครั้งในการเจรจากับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ เช่น ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป
การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของทำเนียบขาวสะท้อนถึงความท้าทายในการทำข้อตกลงการค้าที่ครอบคลุม ทั้งในเรื่องภาษีและอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี เช่น การห้ามนำเข้าสินค้าเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบเวลาที่เร่งรัด
โดยทั่วไปแล้ว ข้อตกลงการค้าในอดีตมักใช้เวลาหลายปีในการเจรจาจึงจะบรรลุผล
มีข้อตกลงทางการค้าเพียงสองฉบับที่บรรลุผลจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ข้อตกลงกับอังกฤษ ที่ทำขึ้นในเดือนพฤษภาคม ซึ่งให้อัตราภาษีอยู่ที่ 10% และได้รับสิทธิพิเศษในบางภาคส่วน เช่น รถยนต์ และเครื่องยนต์เครื่องบิน และข้อตกลงกับเวียดนาม ที่ลดภาษีสินค้าจากเวียดนามหลายรายการลงเหลือ 20% จากเดิมที่ขู่ไว้ 46% โดยสินค้าจากสหรัฐฯ หลายรายการจะสามารถเข้าสู่เวียดนามได้โดยไม่ต้องเสียภาษี
ส่วนข้อตกลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับอินเดียยังไม่บรรลุผล และเมื่อวันศุกร์ นักการทูตของสหภาพยุโรป กล่าวว่า พวกเขายังไม่สามารถบรรลุความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับรัฐบาลทรัมป์ และอาจต้องพิจารณาขยายสถานะปัจจุบันต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษี
อ้างอิง : www.cnbc.com