ดีอี-สธ. เปิดโครงการ 5G Ambulance นำร่อง 17 รพ. 11 จังหวัด
ดีอี - สธ. เปิดตัวโครงการ 5G Ambulance ยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉินไทยด้วยเทคโนโลยี 5G ช่วยคนไทยในนาที่ชีวิต ต่อลมหายใจของประชาชนช่วงวินาทีสำคัญ นำร่ อง 17 โรงพยาบาลใน 11 จังหวัดทั่วประเทศ
วันที่ 15 สิงหาคม 2568 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข จัดพิธีเปิดตัวโครงการ "ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 5G เพื่อยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ 5G Ambulance"
โดยมี ดร.ปิยนุช วุฒิสอน รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานในพิธี โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยี 5G มาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม
โดยมีเป้าหมายในการนำร่องติดตั้งอุปกรณ์ดิจิทัลบนรถพยาบาลฉุกเฉินขั้นสูง (ALS) และขั้นพื้นฐาน (BLS) จำนวน 40 คัน ในโรงพยาบาล 17 แห่งจาก 11 จังหวัด เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยในภาวะวิกฤตได้อย่างทันท่วงที และคาดว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยได้กว่า 56,000 รายต่อปี
ในพิธีเปิดโครงการฯ ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ"ยกระดับการแพทย์ฉุกเฉินไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล" โดยเน้นย้ำว่า โครงการ 5G Ambulance นี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเชิงรุกของกระทรวงดีอีในการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งรวมถึงการพัฒนา คลาวด์กลางด้านสาธารณสุข เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว
โดยโครงการนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นต้นแบบของรถพยาบาลฉุกเฉินอัจฉริยะเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นแบบของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐเพื่อยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ให้มีความรวดเร็ว แม่นยำ และครอบคลุมประชาชนในทุกพื้นที่อย่างแท้จริง
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ depa กล่าวว่า โครงการนี้เกิดขึ้นจากการต่อยอดความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเมืองและชุมชนสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยเฉพาะในมิติ การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living)
โดยจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ 5G Router และเทคโนโลยีที่สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ เทคโนโลยีแพทย์ทางไกล (Telemedicine), เทคโนโลยีทางการแพทย์ฉุกเฉิน (Medical Technology), และ เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย (Safety Technology) เพื่อช่วยลดอุปสรรคและข้อจำกัดในการให้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน เช่น ปัญหาด้านการสื่อสาร, ความล่าช้าในการรับแจ้งเหตุ, และการขาดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผู้ป่วย ส่งผลให้สามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยและลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายแพทย์อารยะ ไข่มุกด์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แสดงความยินดีและกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการยกระดับระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินมาโดยตลอด
ซึ่งการริเริ่มโครงการ 5G Ambulance โดยกระทรวงดีอีในครั้งนี้ถือเป็นการวางรากฐานใหม่ที่แข็งแกร่งให้กับระบบการช่วยชีวิตของประเทศ การบูรณาการทั้งบุคลากร องค์ความรู้ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันจะช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตแก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน และเป็นเสาหลักในการสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชนไทยในระยะยาว
รายละเอียดการดำเนินงานในระยะแรก
ในระยะแรกนี้ depa ได้สนับสนุนการยกระดับรถพยาบาลฉุกเฉินจำนวน 40 คัน ใน 17 โรงพยาบาล ซึ่งกระจายอยู่ใน 11 จังหวัดทั่วประเทศ ดังนี้:
- ภาคเหนือ: โรงพยาบาลหนองม่วงไข่, โรงพยาบาลสอง (จังหวัดแพร่), โรงพยาบาลแม่วาง, โรงพยาบาลฮอด (จังหวัดเชียงใหม่), โรงพยาบาลพิชัย (จังหวัดอุตรดิตถ์)
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: โรงพยาบาลประทาย, โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ, โรงพยาบาลจักราช (จังหวัดนครราชสีมา), โรงพยาบาลสิรินธร, โรงพยาบาลมัญจาคีรี (จังหวัดขอนแก่น), โรงพยาบาลหนองพอก (จังหวัดร้อยเอ็ด)
- ภาคกลางและตะวันตก: โรงพยาบาลเลาขวัญ, โรงพยาบาลไทรโยค (จังหวัดกาญจนบุรี), โรงพยาบาลตาคลี (จังหวัดนครสวรรค์)
- ภาคตะวันออก: โรงพยาบาลเขาชะเมาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา (จังหวัดระยอง)
- ภาคใต้: โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ (จังหวัดนครศรีธรรมราช), โรงพยาบาลปากพะยูน (จังหวัดพัทลุง)
รถพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการติดตั้งอุปกรณ์สำคัญเพื่อรองรับการทำงานของเทคโนโลยี 3 ด้านหลัก ประกอบด้วย:
- เทคโนโลยีแพทย์ทางไกล (Telemedicine): ประกอบด้วยเครื่องติดตามสัญญาณชีพระยะไกล, กล้องบันทึกภาพความละเอียดสูงภายในรถ, กล้องประจำกายเจ้าหน้าที่, และแพลตฟอร์มบริการการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถส่งข้อมูลผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลได้แบบเรียลไทม์ และรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทันที
- เทคโนโลยีทางการแพทย์ฉุกเฉิน (Medical Technology): ประกอบด้วยเครื่องคำนวณและให้สารละลายอัตโนมัติ, เครื่องกระตุ้นหัวใจพร้อมตรวจสอบสัญญาณชีพ (สำหรับรถ ALS), และเครื่องกระตุ้นหัวใจอัตโนมัติ (สำหรับรถ BLS)
- เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย (Safety Technology): ประกอบด้วยกล้องภายนอกรถ เพื่อช่วยในการขับขี่และจัดการเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
โครงการ 5G Ambulance นี้จึงนับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของการผสานนวัตกรรมดิจิทัลเข้ากับระบบสาธารณสุขของไทย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มความมั่นคงทางสุขภาพให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน