ชีวิตติด TECH – จัดระเบียบสายสื่อสาร ภารกิจท้าทายเพื่อเมืองไทยสวยงาม
หลายๆคนที่เดินตามท้องถนน ผ่านเสาไฟฟ้า คงเคยเห็นสายไฟ สานสื่อสารที่พาดกัน ยุ่งเหยิง ระโยงระยาง ดูรกเต็มไปหมดไม่เป็นระเบียบ ขาดความสวยงาม โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองหลวงอย่าง กทม.
นอกจากไม่สวยงานแล้ว ยังอาจเกิดปัญหาเกิดสายไฟไหม้จนลุกลามไปติดบ้านที่อยู่อาศัย หรือรถยนต์ที่จอดอยู่ตามถนนดังที่เห็นเป็นข่าวและแชร์ผ่านโลกโซเซียล
แม้หน่วยงานรัฐอละเอกชนที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาามาหลายปี เพื่อสร้างเมืองที่สวยงานน่าอยู่ แต่ การจัดระเบียบสายสื่อสาร และ การนำสายสื่อสารลงดิน ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มีความอยากลำบากและอุปสรรคอย่างไร วันนี้ คอลัมน์ “ชีวิตติด TECH” มีคำคอบให้คลายสงสัยกัน ทำไมการจัดระเบียบจึงช้าไม่ทันใจ จากข้อมูลของผู้ทำงานเรื่องนี้
“ชญานนท์ อุดมศิลปะทรัพย์” จากทีม Right of Way ของทรู ซึ่งดูแลการขออนุญาตใช้ท่อร้อยสายใต้ดินและเสาไฟฟ้า สำหรับการวางระบบโครงสร้างสายสื่อสาร บอกว่า สายสื่อสารที่พาดร่วมอยู่บนเสาไฟฟ้าเกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคที่มีการขยายบริการโทรศัพท์พื้นฐานในประเทศไทย ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีด้านการสื่อสารพัฒนาให้ทันสมัย ความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตและบริการข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ให้บริการเครือข่ายจึงจำเป็นต้องลากสายไฟเบอร์เพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการผู้ใช้และแบนด์วิดท์ที่สูงขึ้น
“สายสื่อสารที่เราเห็นอยู่บนเสานั้นจึงมีทั้งสายโทรศัพท์เดิมที่ยังไม่ได้รื้อออก และสายไฟเบอร์ซึ่งเป็นสายใหม่ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน รวมถึงสายสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐ เช่น สายสำหรับกล้องวรจรปิดในจุดต่างๆ ดังนั้นสายสื่อสารที่เราเห็นว่ามีมากมายจึงเป็นสายของผู้ประกอบการและหน่วยงานต่างๆ รวมกว่า 10 ราย”
การแก้ปัญหาดังกล่าวที่มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน หากไม่มีเจ้าภาพ หรือ การปรระสานงานร่วมกันที่ดีจะทำให้การแก้ปัญหายิ่งล่าช้า
“พงศ์เทพ เทียมบุญเลิศ” จากทีม Government & Public Utilities ของทรู บอกว่า ในปี 64 คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบให้ สำนักงาน กสทช. ขับเคลื่อนแผนบูรณาการจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้า โดยให้ประสานความร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง (MEA) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) กรุงเทพมหานคร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม
ประกอบกับ MEA และ PEA ก็ มีนโยบายการปรับเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศให้เป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตั้งแต่ปี 60 จึงนำไปสู่แนวทางการนำสายสื่อสารลงดินตามไปด้วย เมื่อผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมดำเนินการรื้อสายสื่อสารออกจากเสาไฟฟ้าเสร็จเรียบร้อย MEA และ PEA ก็จะดำเนินการหักเสาไฟฟ้าตามแผนงาน เพื่อเสร็จแล้วจะช่วยให้ถนนสายต่างๆเกิดทัศนียภาพของถนนที่สวยงามโดยที่ผ่านมาก็ได้เริ่มดำเนินการในถนนสายสำคัญและย่านเศรษฐกิจ เช่น วิทยุ สีสม สาทร พระราม 4 และอโศก ฯลฯ
อย่างไรก็ตามการจัดระเบียบสายสื่อสาร และ การนำสายสื่อสารลงดิน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มีขั้นตอนที่ต้องประสานงานกับหลายหน่วยงาน
“ชญานนท์” และ “พงศ์เทพ” บอกว่า การจัดระเบียบสายสื่อสารนั้น มี 2 วิธีทาง คือ 1. การจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้า คือ การจัดระเบียบสายที่พาดอยู่บนเสาไฟฟ้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น การรื้อถอนสายที่ไม่ได้ใช้งาน และการยุบรวมสายสื่อสาร และนำสายขึ้นคอนตามมาตรฐานระเบียบของ MEA และ PEA ข้อดีของวิธีนี้คือ การบำรุงรักษาที่ง่ายและใช้งบประมาณไม่มากนัก หากระบบแจ้งเตือนว่าพบความเสียหายก็สามารถซ่อมบำรุงหน้างานได้ทันที
2. การนำสายสื่อสารลงดิน คือ การย้ายสายจากเสาไฟฟ้าลงไปวางในท่อใต้ดิน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนระบบโครงสร้างทั้งหมด โดยทำควบคู่กับโครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน เพื่อให้พื้นที่ดูสะอาดตา ลดอุบัติเหตุ วิธีการนี้จะใช้งบประมาณมากกว่าวิธีแรกหลายเท่า ข้อดีคือ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นคงของสายสื่อสาร แต่หากมีความเสียหายต้องใช้ระยะการซ่อมบำรุงมากกว่า
สำหรับการนำสายสื่อสารใต้ดินจะสอดคล้องไปตามแผนงานของ MEA และ PEA ในการเปลี่ยนระบบสายอากาศเป็นสายใต้ดิน ซึ่งมีทั้งพื้นที่เมืองชั้นใน และในเมืองใหญ่ รวมถึงเมืองหลักที่มีเศรษฐกิจเติบโต พื้นที่ท่องเที่ยว และพื้นที่ตามนโยบายของรัฐที่ต้องการปรับปรุงทัศนียภาพให้สวยงาม
นอกจากการประสานงานแล้ว การทำงานอาจต้องเจอพบเจออุสรรคต่อการทำงานในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะการนำสายสื่อสารลงดิน คือการทำใหม่ทั้งระบบ
“ชญานนท์” บอกว่า เมื่อวางแผนที่จะนำสายสื่อสารลงดิน ณ จุดใด เราต้องวางระบบสายสื่อสารใต้ดินให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน โดยทำงานคู่ขนานไปกับการให้บริการระบบเดิม จากนั้นจะมีช่วงที่ตัดถ่ายระบบโครงข่ายมายังโครงข่ายที่อยู่ใต้ดินทั้งหมด หากเห็นการตัดสายที่พาดผ่านบนเสาไฟฟ้าเมื่อใด นั่นคือการรื้อถอนหลังจากที่ระบบโครงข่ายใต้ดินเสร็จสมบูรณ์และได้ให้บริการลูกค้าไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังการเปลี่ยนผ่านนี้ ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบ รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการโดยไม่ให้กระทบต่อการใช้งานของลูกค้า และผู้สัญจรใช้พื้นที่บริวเวณหน้างาน ขั้นตอนการทำงานมีดังนี้
1. เตรียมข้อมูลลูกค้า และสำรวจหน้างาน เมื่อรัฐกำหนดเส้นทาง ทีมงานทรูจะรวบรวมรายชื่อลูกค้าในพื้นที่ พร้อมลงสำรวจจุดเชื่อมต่อทั้งบนเสาไฟฟ้าและภายในอาคารพร้อมทีมงานผู้รับเหมา เพื่อใช้ในการออกแบบระบบใหม่
2. ออกแบบระบบวางสายใต้ดิน และตรวจสอบความพร้อมของหน้างาน เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วน ทีมวิศวกรต้องออกแบบโครงข่ายใหม่ให้เหมาะกับโครงสร้างใต้ดิน และประสานกับ NT ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแล เพื่อตรวจสอบความพร้อมของท่อใต้ดินที่ติดตั้งอยู่ใต้ฟุตบาทหรือกลางถนน รวมถึงการแจ้งเพิ่มจุดขึ้นให้บริการลูกค้า
3. ดำเนินการวางสายและตัดถ่ายระบบ เมื่อท่อร้อยสายใต้ดินพร้อมและแผนงานชัดเจน ทีมหน้างานจะเริ่มวางสายใต้ดินใหม่ทั้งหมด จากนั้นจึงตัดถ่ายลูกค้าแต่ละรายเข้าสู่ระบบใหม่ โดยการทำงานส่วนใหญ่จะเป็นช่วงกลางคืนเพื่อลดผลกระทบการใช้งานกับลูกค้าและรวมถึงการสัญจรไปมา และก่อนหน้าที่จะมีการเปลี่ยนระบบ จะมีข้อความแจ้งลูกค้าที่อาจได้รับผลกระทบในช่วงนั้นๆ
“บางพื้นที่เราต้องรอเวลาเหมาะสมในการเปิดบ่อที่มีท่อสายสื่อสาร ซึ่งอาจทำงานได้เพียงวันละไม่กี่ชั่วโมง บางครั้งทำงานได้เพียงหนึ่งวันต่อสัปดาห์ก็มี รวมถึงเมื่อเปิดบ่อไปมีสภาพไม่พร้อมทำงาน เช่น มีน้ำขัง ทีมหน้างานก็ต้องสูบน้ำออกจากบ่อก่อน เหล่านี้เป็นเหตุผลที่การดำเนินงานเป็นไปได้ช้า พื้นที่หนึ่งอาจใช้เวลาถึง 4-6 เดือน”
ถือเป็นงานนยากที่ทุกฝ่ายต้องอาศัยความร่วมมือกัน เพื่อให้ทัศนียภาพภูมิทัศน์ของเมืองไทยสวยงานยิ่งขึ้น!!
Cyber Daily