Men's Health Clinic 'ราชวิถี' เปิดประตูสู่สุขภาพเพศชายครบวงจร
ปัญหาสุขภาพทางเพศที่พบบ่อยในเพศชายไทย คือภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction - ED) โดยชายไทยอายุ 40-70 ปี มีอาการนี้ถึง 43% และปัญหามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอายุ นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆ ที่พบบ่อย โรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia) พบบ่อยในผู้ชายวัย 50 ปีขึ้นไป ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย หรือที่เรียกว่า “วัยทองชาย” ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ความต้องการทางเพศลดลง รวมทั้งภาวะมีบุตรยาก มีสาเหตุจากฝ่ายชายหลายประการ เช่น ความผิดปกติของการสร้างอสุจิ หรือท่อน้ำเชื้ออุดตัน
ทว่าสาเหตุของปัญหาทางเพศส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากปัจจัยเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยสาเหตุหลักๆ มีทั้งมาจากโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง, โรคไขมันในเลือดสูง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระบบหลอดเลือดและเส้นประสาท
รวมทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต การสูบบุหรี่, การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก, การขาดการออกกำลังกาย, การพักผ่อนไม่เพียงพอ และการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ปัจจัยทางจิตใจ ความเครียด, ความวิตกกังวล, โรคซึมเศร้า หรือความไม่มั่นใจในตัวเอง อายุที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น ระดับฮอร์โมนเพศชายจะลดลง และความเสื่อมของระบบหลอดเลือดและประสาทก็เป็นไปตามวัย ยาบางชนิดการรับประทานยาบางประเภท เช่น ยาสำหรับโรคความดันโลหิตสูง หรือยารักษาโรคซึมเศร้า ก็อาจส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
คลินิกสุขภาพเพศ ดูแลทุกมิติ เพื่อเพศที่หลากหลาย
รับมือ 'คุณพ่อวัยทอง' เมื่อ‘วัยทองผู้ชาย’ พบได้เร็วตั้งแต่อายุ 45 ปี
ชายอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
นพ.สิทธิชน สุริยะวงศ์กุล งานศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ กลุ่มงานศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ”ว่า ปัญหาสุขภาพเพศชายที่พบบ่อยของผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการ คลินิกสุขภาพเพศชาย (Men's Health Clinic) ส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปจนถึงผู้สูงอายุ ปัญหาหลักที่พบคือ ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และ ภาวะฮอร์โมนเพศชายผิดปกติ
คลินิกแห่งนี้เปิดให้บริการมานานกว่า 4 ปี มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา รวมถึงศัลยศาสตร์ทางเดินปัสสาวะ ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่การวินิจฉัย รักษา ผ่าตัด ไปจนถึงการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ โดยเน้นการทำงานร่วมกันแบบสหวิชาชีพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อความปลอดภัยและความพึงพอใจของผู้ป่วย
เปิดพรีเมียมคลินิก-นอกเวลาปลายปี
คลินิกสุขภาพเพศชาย (Men's Health Clinic) ให้บริการทุกวันจันทร์ โดยเปิดรับผู้ป่วยจากทั่วประเทศ รวมถึงการส่งต่อจากโรงพยาบาลในเครือข่าย รองรับสิทธิการรักษาทั้ง ประกันสุขภาพถ้วนหน้า สิทธิข้าราชการ และประกันสังคม โดยส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายจะครอบคลุม ยกเว้นบางกรณีที่สิทธิการรักษาไม่ครอบคลุม หรือกรณีชาวต่างชาติที่อาจต้องชำระเงินเอง ทั้งนี้ ราคาบริการมีการกำหนดอัตราที่ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้
นพ.สิทธิชน กล่าวว่าปัจจุบันมีผู้ป่วยมาใช้บริการเฉลี่ย 10-20 รายต่อวัน โดยการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ จะเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การให้ยา การฉีดยา การใช้คลื่นกระแทก และทางเลือกสุดท้าย คือการผ่าตัดใส่แกนเทียม ซึ่งมีทั้งแบบกดปุ่มให้แข็งตัวและแบบพับได้ แกนเทียมนำเข้าจากต่างประเทศที่ต้องผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งของสหรัฐและไทย ราคาอุปกรณ์ประมาณ 100,000 บาท
"ผู้ป่วยที่มารักษาที่คลินิกส่วนใหญ่สามารถกลับมามีสุขภาพทางเพศที่ดีขึ้น ซึ่งจำนวนที่มาใช้บริการ 10-20 รายต่อวัน ซึ่งถือว่าค่อนข้างหนาแน่นสำหรับสถานที่ปัจจุบัน ความสำเร็จของการรักษาขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของแต่ละบุคคลและความพึงพอใจของผู้ป่วยและความพร้อมในการรักษา โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่าย เนื่องจากบางการรักษาโดยเฉพาะการผ่าตัดใส่แกนเทียม อาจไม่ครอบคลุมโดยสิทธิการรักษา ทำให้ผู้ป่วยบางรายมีปัญหาเรื่องส่วนต่างที่ต้องชำระเอง โดยผู้ป่วยจำนวนมากสามารถกลับมามีสุขภาพทางเพศที่ดีขึ้น"
นพ.สิทธิชน กล่าวว่าในอนาคตโรงพยาบาลมีแผนจะเปิดพรีเมียมคลินิกในเวลาราชการและคลินิกพิเศษนอกเวลา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยที่สามารถชำระเงินเองได้และชาวต่างชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการรักษาให้ทัดเทียมกับต่างประเทศ พัฒนาเทคโนโลยีเครื่องมือผ่าตัด และให้บริการในรูปแบบ One Stop Service และเพิ่มความร่วมมือกับโรงพยาบาลและองค์กรระหว่างประเทศ คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
อย่างไรก็ตาม หากมีนโยบายจากรัฐบาลให้คลินิกสุขภาพเพศชาย (Men's Health Clinic) ให้บริการการแปลงเพศ โรงพยาบาลมีความพร้อมด้านบุคลากรอย่างยิ่ง ทั้งศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะ ศัลยกรรมตกแต่ง จิตแพทย์ และแพทย์สาขาอื่นๆ ที่จำเป็น เพื่อรองรับการประเมินและการผ่าตัดที่ซับซ้อน ครอบคลุมทั้งด้านร่างกายและจิตใจมีบุคลากรเพียงพอต่อการให้บริการ รวมถึงในกรณีที่มีการเปิดพรีเมียมคลินิก โดยบุคลากรปัจจุบันสามารถทำงานนอกเวลาเพื่อเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง
10“คลินิกพรีเมียม”นำร่อง
แนวคิด “คลินิกพรีเมียม” ของกระทรวงสาธารณสุขเกิดขึ้นเพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้รับบริการ ผู้มีรายได้ และชาวต่างชาติ ในการเข้ารับบริการในเวลาราชการ เพื่อลดความแออัดและลดระยะเวลารอคอย เพิ่มศักยภาพหน่วยบริการภาครัฐในการดูแลผู้ป่วย ดำรงบุคลากรให้อยู่ในระบบโดยสร้างแรงจูงใจด้านค่าตอบแทน เพื่อให้บุคลากรคงอยู่ในระบบบริการสุขภาพของรัฐอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่หน่วยบริการ เสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินให้กับโรงพยาบาล
ปี 2568 มีหน่วยบริการนำร่อง “คลินิกพรีเมียม” จำนวน 10 แห่ง โดยโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี และโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี ได้เริ่มเปิดดำเนินการแล้วตั้งแต่เดือนก.ค. ส่วนโรงพยาบาลอื่นๆ ที่จะทยอยเปิดให้บริการในเดือนส.ค. ได้แก่ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา, โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่, โรงพยาบาลลำปาง, โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ จ.ชลบุรี, โรงพยาบาลนครปฐม, และโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และคาดว่าจะเปิดในเดือนต.ค. ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์นนทบุรี
โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี มีผู้ป่วยนอกเข้ารับบริการวันละ 2,500 - 3,000 คน ได้เปิดคลินิกพรีเมียมให้บริการที่ชั้น 8 โดยมีห้องตรวจผู้ป่วยนอก 2 ห้อง ให้บริการช่วงบ่ายของทุกวัน แยกจากห้องตรวจทั่วไปอย่างชัดเจน พร้อมห้องผ่าตัด ห้องทำหัตถการ และห้องผู้ป่วยใน 20 เตียงจะเน้นโรคที่ไม่เร่งด่วนแต่ต้องรอคิวนาน เช่น การผ่าตัดบางประเภท (เช่น โรคอ้วน, ผ่าตัดแบบวันเดียวกลับ, ผ่าตัดเล็กด้วยกล้อง) และโรคทั่วไปที่ไม่ต้องผ่าตัดการเข้ารับบริการยังไม่รับแบบวอล์กอิน (Walk In) ผู้ป่วยจะต้องนัดหมายล่วงหน้าผ่านระบบเว็บไซต์ของโรงพยาบาลยังไม่ได้เรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยที่มารับบริการเนื่องจากยังต้องรอประกาศเรื่องหลักเกณฑ์การเก็บเงินจากกระทรวงสาธารณสุข