อิสราเอลเริ่มโจมตีเพื่อยึดเมือง ‘กาซาซิตี้’ ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากต้องเร่งอพยพเพื่อเอาชีวิตรอด
อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการยึดครองกาซาซิตี้แล้ว ทำให้มีชาวปาเลสไตน์หลายคนที่ต้องอพยพ-หลบหนีออกจากพื้นที่ ถือเป็นการส่งสัญญาณต่อนานาชาติของอิสราเอลที่จะดำเนินการตามแผนที่วางไว้ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายก็ตาม
ก่อนหน้านี้ กองกำลังอิสราเอลได้ตั้งฐานที่มั่นในเขตชานเมือง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวปาเลสไตน์มากกว่าหนึ่งล้านคน หลังจากถูกทิ้งระเบิดและยิงปืนใหญ่อย่างหนักหน่วงมาหลายวัน เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้ทางสหประชาชาติ (UN) เรียกร้องให้มีการหยุดยิงโดยทันที เพื่อหลีกเลี่ยงความตายและทำลายล้าง
อย่างไรก็ตาม อิสราเอลต้องการส่งสัญญาณว่ากำลังเดินหน้าตามแผนการยึดครองกาซาซิตี้ทั้งหมด แม้จะเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติก็ตาม และชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคนในเมืองไซทูน และซาบราของกาซาได้อพยพไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเป็นที่เรียบร้อย
กองทัพอิสราเอลระบุว่า กองกำลังทหารกำลังปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ไซทูนและจาบาเลีย เพื่อวางรากฐานสำหรับการรุก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอลได้อนุมัติแผนดังกล่าวเมื่อวันอังคาร (19 สิงหาคม) และจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีความมั่นคงในปลายสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ยังมีการเรียกกำลังพลสำรองประมาณ 60,000 นายในช่วงต้นเดือนกันยายน เพื่อปลดกำลังพลประจำการสำหรับปฏิบัติการนี้
ในแถลงการณ์ ฮามาสกล่าวหาผู้นำอิสราเอลว่ายังคงทำสงครามอย่างโหดร้ายกับพลเรือนผู้บริสุทธิ์ในกาซาซิตี้และวิพากษ์วิจารณ์การเพิกเฉยต่อข้อเสนอหยุดยิงฉบับใหม่จากผู้ไกล่เกลี่ยในภูมิภาค ซึ่งปัจจุบันอิสราเอลยังไม่ได้ตอบสนองต่อแผนดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
คาดว่าชาวปาเลสไตน์หลายแสนคนในกาซาซิตี้จะได้รับคำสั่งอพยพ และมุ่งหน้าไปยังตอนใต้ของฉนวนกาซา โดยที่การเตรียมการสำหรับแผนการของอิสราเอลกำลังดำเนินไป ขณะที่พันธมิตรหลายฝ่ายของอิสราเอลประณามแผนการดังกล่าว โดยประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ได้ออกมาเตือนเมื่อวันพุธว่า แผนการดังกล่าวจะนำไปสู่ ‘หายนะ’ สำหรับทั้งประชาชน และเสี่ยงที่จะทำให้ทั้งภูมิภาคตกอยู่ในวังวนของสงครามถาวร
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) กล่าวว่า การอพยพซ้ำๆ และการสู้รบที่ทวีความรุนแรงขึ้นมีความเสี่ยงที่จะทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้ว เลวร้ายลงไปอีกสำหรับประชากร 2.1 ล้านคนของกาซา
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอิสราเอลได้ประกาศเจตนาที่จะยึดครองฉนวนกาซาทั้งหมด หลังจากการเจรจากับกลุ่มฮามาสเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกันล้มเหลวไปเมื่อเดือนที่แล้ว โดยโฆษกกองกำลังป้องกันอิสราเอล ยืนยันจะทำลายฐานที่มั่นของฮามาสในกาซาซิตี้ทั้งบนดินและใต้ดิน ซึ่งในตอนนี้ได้เริ่มปฏิบัติการเบื้องต้นไปแล้ว และตอนนี้กองกำลังฯ กำลังยึดพื้นที่รอบนอก โดยที่พลเรือนในกาซาซิตี้จะได้รับคำเตือนให้อพยพเพื่อความปลอดภัย
นอกจากนี้ ICRC ยังเตือนถึงสถานการณ์หายนะสำหรับทั้งพลเรือนชาวปาเลสไตน์และตัวประกัน หากกิจกรรมทางทหารในกาซาทวีความรุนแรงขึ้น
“หลังจากการต่อสู้อย่างไม่ลดละและการพลัดถิ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลาหลายเดือน ผู้คนในฉนวนกาซาเหนื่อยล้าอย่างที่สุด สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่แรงกดดันเพิ่มเติม แต่ต้องการความบรรเทา ไม่ใช่ความกลัวเพิ่มเติม แต่ต้องการโอกาสในการหายใจ พวกเขาต้องสามารถเข้าถึงสิ่งจำเป็นเพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ได้แก่ อาหาร เวชภัณฑ์และสุขอนามัย น้ำสะอาด และที่พักพิงที่ปลอดภัย” แถลงการณ์ระบุ
“การปฏิบัติการทางทหารที่เข้มข้นขึ้นอีกจะยิ่งทำให้ความทุกข์ทรมานทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำลายครอบครัวมากขึ้น และคุกคามวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่ไม่อาจย้อนกลับได้ ชีวิตของตัวประกันก็อาจตกอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน” แถลงการณ์เสริมนอกจากนี้ยังเรียกร้องให้หยุดยิงโดยทันที และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องทั่วฉนวนกาซา
ตั้งแต่การเปิดฉากโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตราว 1,200 รายและอีกกว่า 251 ชีวิตที่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน นับตั้งแต่นั้นมา มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาแล้วอย่างน้อย 62,122 คน ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงเด็กและผู้หญิงด้วย
อ้างอิงจาก